ASL ANALYSIS GUIDE

ประเมิน SET Index แกว่งตัว Sideway เน้นยืนแนวรับ 1,530/1,518 ไม่ควรต่ำกว่าลงมา หากยืนได้มั่นคง ลุ้นทดสอบแนวต้านเส้นกลาง Bollinger band ที่ 1,540 ผ่านยืนมั่นคง เป็นโมเมนตัมบวก

ประเด็นการลงทุน
1. Update ประเด็นขอเพิ่มเพดานหนี้
2. ติดตามตัวเลขภาคการค้าของไทย
3. ตลาดคาด ธปท.ขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งสุดท้าย สิ้นสุดวัฏจักรอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น
  • วันนี้เคาะ GULF คงคำแนะนำ ‘ซื้อ’ ในราคาเป้าหมายปี 66 ที่ 63.00 บาท อิง SOTP โดยเรามองว่า GULF ยังคงมีธุรกิจที่แข็งแกร่งและได้ประโยชน์จากต้นทุนทางการเงินที่ต่ำรวมถึงมีการลงทุนในหลายอุตสาหกรรมเพื่อกระจายความเสี่ยง

MARKET STRATEGY

สรุปตลาดวานนี้ SET ปิดที่ 1,540.97 จุด เพิ่มขึ้น 10.13 จุด (+0.66%) มูลค่าการซื้อขาย 37,756.87 ล้านบาท ตอบรับปัจจัยภายนอกประเทศผ่อนคลายมากขึ้น หลังสหรัฐบรรลุข้อตกลงขั้นสุดท้ายในการปรับเพิ่มเพดานหนี้

Research Highlight: ติดตามการเจรจาของพรรคร่วมรัฐบาล// ประชุมกนง. คาลขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 2.00%

Update ประเด็นขอเพิ่มเพดานหนี้

  • ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวขึ้นตอบรับการบรรลุข้อตกลงขอเพิ่มเพดานหนี้ โดยจากนี้จะเข้าสู่การ พิจารณาของ ส.ส. และส.ว. ซึ่งคาดว่าจะผ่านไปได้ด้วยดี แต่จะต้องติดตามว่า ปธน. ไบเดน จะยอมลด งปม. ในส่วนไหน (ทหาร/สวัสดิการ) ซึ่งจะกระทบต่อการเลือกตั้งใหญ่ในปีหน้า (5 พ.ย. 67)
  • ส่วนระยะถัดไปตลาดจะให้ความสำคัญกับการขึ้นอัตราดอกเบี้ยกลางเดือน มิ.ย. คาดว่าจะคงอัตราดอกเบี้ย แต่ส่งสัญญาณตรึงไว้ที่ระดับนี้ยาวนานขึ้น), ทิศทางผลประกอบการ 2Q66 และแนวโน้มเศรษฐกิจ จะ soft landing หรือเกิด recession แนะนำทยอยสะสมกลุ่ม Defensive เพื่อรองรับความผันผวนของตลาดในระยะกลาง

ติดตามตัวเลขภาคการค้าของไทย

  • จะมีรายงานตัวเลขนำ-ส่งออกของไทย โดยตลาดคาดว่าส่งออกจะหดตัว 24%YoY และนำเข้าหดตัว 5.9%YoY ส่งผลให้ดุลการค้ายังขาดดุล 450 ล้านดอลลาร์สรอ.
  • ในเชิงกลยุทธ์หากออกมาดีกว่าคาด (ส่งออกหดตัวน้อยกว่าคาด) มองเป็นบวกต่อกลุ่มส่งออกเราชอบ TU ASIAN TFG DELTA HANA

ตลาดคาด ธปท.ขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งสุดท้าย สิ้นสุดวัฏจักรอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น

  • คาดว่า ธปท. อาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายเป็นครั้งสุดท้ายในช่วงสิ้นเดือนนี้อีก 0.25% สู่ระดับ 2.00% และจากนั้นจะตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับดังกล่าวไปสักระยะ โดยได้สัญญาณบวกของภาวะเศรษฐกิจในประเทศที่ฟื้นตัวต่อเนื่อง ได้รับแรงหนุนจากการฟื้นตัวในภาคการท่องเที่ยวและการเปิดประเทศของจีน ดังนั้น ธปท.จึงสามารถที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายได้อีกหนึ่งครั้ง
  • แต่ความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อยังมีอยู่ แม้จะกลับเข้ามาสู่กรอบเป้าหมายเดือนมี.ค. ตามฐานที่สูงในปี 65 รวมถึงแนวโน้มราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่คาดว่าจะทรงตัวไม่เกิน 90S/บาร์เรล ขณะที่แรงกดดันจากการดำเนินนโยบายแบบตึงตัวของธ.กลางทั่วโลกเริ่มผ่อนคลายลง โดยเราเชื่อว่าอาจจะไม่เห็นการส่งสัญญาณจะยุติการขึ้นอัตราดอกเบี้ยในครั้งถัดไป
  • ขณะที่ความเสี่ยงจากปัจจัยทางการเมือง และเฟดยังคงส่งสัญญาณขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่จะทำให้ค่าเงินบาทอ่อนค่าต่อเนื่อง

ติดตาม

  • 31 พ.ค. ไทย: ตัวเลขนำเข้า-ส่งออก//ประชุม กนง. // Trade account  จีน: PMI พ.ค.
  • 1 มิ.ย. PMI สหรัฐ พ.ค.
  • 2 มิ.ย. สหรัฐ: Average Hourty Earnings//Nonfarri Payrolls พ.ค. // อัตราว่างงาน พ.ค.

Investment Strategy

  • ประเมิน SET แกว่งตัว sideway เน้นยืนแนวรับ 1538-30 ไม่ควรต่ำกว่าลงมา หากยืนได้มั่นคง ลุ้นทดสอบแนวด้านเส้นกลาง Bollinger band ที่ 1540 ผ่านยืนมั่นคง เป็นโมเมนตัมบวก แนวต้านถัดไปที่ 1550
  • ตลาดยังผันผวนโดยต้องติดตามการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ ที่มีประเด็นเรื่องปธ.สภา จะมีการพูดคุยกันระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลในวันที่ 30 พ.ค. นี้ ซึ่งคาดหวังการเจรจาจะหาทางออกร่วมกันได้ เพื่อผลักดันการจัดตั้งรัฐบาลในขั้นตอนถัดไป โดยหลังจากนี้ ต้องรอ กกต. ประกาศผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการภายใน 60 วัน (13 ก.ค.) และจะมีการประชุมเลือก ปธ.สภา เบื้องต้นคาดว่า 25 ก.ค. ก่อนจะมีการเลือกนายกฯ ครม. ในช่วงสัปดาห์ที่ 2 เดือน ส.ค. ซึ่งตลาดคาดหวังการแต่งตั้งนายกฯ ได้สำเร็จ เพื่อให้เกิดการผ่าน งปม. รายจ่ายภาครัฐ ในช่วงปลายเดือน ส.ค. ซึ่งจะเป็นอีกฟันเฟืองที่กระตุ้นเศรษฐกิจนอกจากภาคการท่องเที่ยว และการบริโภคในประเทศ
  • สธ.จีน รายงานผู้ป่วยโควิลในจีน มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเฉลี่ยสัปดาห์ละ 65 ล้านราย จนถึงปลายเดือน มิ.ย. ส่วนใหญ่เป็นสายพันธุ์ XBB หลังมีผู้ติดเชื้อเฉลี่ย 40 ล้านคนต่อสัปดาห์ในเดือนเม.ย. – พ.ค. กระทบต่อแนวโน้มตัวเลขนักท่องเที่ยวของจีนที่อาจน้อยกว่าที่ประเมินไว้ หรืออาจเกิดมาตรการพิเศษกับนักท่องเที่ยวจากจีนมากขึ้น ทั้งนี้เรามองว่าจีนจะยังไม่สั่งปิดประเทศ แต่เป็นลบต่อกลุ่ม Re- opening (ติดตามราว 2 อาทิตย์สำหรับผลกระทบจากโควิด)
  • แนะนํา Selective buy ในกลุ่ม 1.ได้รับผลกระทบจํากัด จาก MOU ของพรรคร่วมรัฐบาล ชอบ KBANK KTB HMPRO BCH ONEE 2. เก็งกำไรกลุ่มเทคโนฯ อิเล็กฯ หากการเจรจาเพิ่มเพดานหนี้ได้ข้อสรุป DELTA HANA

Global Markets

(0) ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดทำการเนื่องในวัน Memorial Day

(-) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดลบท่ามกลางการซื้อขายที่เบาบาง โดยถูกกดดันจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและกลุ่มธนาคารที่ปรับตัวลง ขณะที่นักลงทุนยังคงประเมินข้อตกลงขั้นต้นของสหรัฐที่จะปรับเพิ่มเพดานหนี้ และหลีกเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้ และรอดูการลงมติข้อตกลงดังกล่าวในรัฐสภาสหรัฐในสัปดาห์นี้

(0) สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ปิดทำการเนื่องในวัน Memorial Day

(0) สัญญาทองคำตลาด COMEX ปิดทำการเนื่องในวัน Memorial Day

หุ้นเคาะไป คุยไป…GULF

  • เราประเมินกำไรสุทธิปี 66 และปี 67 อยู่ที่ 14,701 ล้านบาท และ 16,647 ล้านบาท ตามลำดับ โดย GULF จะมีแรงหนุนสำคัญจาก 1) การเปิดดำเนินงานโรงไฟฟ้า IPP GPD หน่วยที่ 1-4 กำลังการผลิตรวม 2,650MW (ถือ70% 1,855MW) ที่หน่วยที่ 1 ได้เปิดไปแล้วเมื่อ 31 มี.ค. 66 และส่วนหน่วย 2-4 จะทยอยเปิด 1 ต.ค. 66, 31 มี.ค. 67, 1 ต.ค. 67, ตามลำดับ 2) รายได้จากธุรกิจ THCOM และการ Synergy ภายในกลุ่มสื่อสาร 3) โครงการลมนอกชายฝั่งที่เวียดนาม 4) การรับรู้รายได้จากธุรกิจโครงสร้างพื้นฐาน ทั้งนี้ เราไม่ได้รวมแผนนโยบายการร่วมลงทุนโครงการพลังงานทดแทนทั้งในและต่างประเทศ และธุรกิจ Digital infrastructure ในประมาณการ
  • เราคงคําแนะนํา ซื้อ ในราคาเป้าหมายปี 66 ที่ 63.00 บาท อิง SOTP โดยเรามองว่า GULF ยังคงมีธุรกิจที่แข็งแกร่ง และได้ประโยชน์จากต้นทุนทางการเงินที่ต่ำ รวมถึงมีการลงทุนในหลายอุตสาหกรรมเพื่อกระจายความเสี่ยง อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้นในระยะสั้น-กลางได้รับผลกระทบจากนโยบายทางการเมือง ทั้งเรื่องการปรับลดค่า Ft ก็ดี หรือการเปลี่ยนแปลงนโยบายเชิงโครงสร้างต่ออัตราการสำรองไฟของประเทศก็ดี ซึ่งอาจส่งผลต่อรายได้บริษัทฯ และแนวโน้มการเติบโตของอุตสาหกรรมผลิตไฟฟ้า เราจึงมองว่าแรงกดดันจะยังคงอยู่จนกว่าการจัดตั้งรัฐบาลจะชัดเจน รวมถึงความเอาจริงเอาจังในทิศทางการบังคับใช้นโยบายที่หาเสียง ทั้งนี้ผู้บริหารบริษัทฯ มองว่าภาคการผลิตในประเทศยังต้องการไฟฟ้าพลังงานสะอาดอยู่มาก ดังนั้นการสนับสนุนการลงทุนอุตสาหกรรมพลังงานหมุนเวียนยังมีความจำเป็นในระยะยาว นอกจากนี้ผู้บริหารให้ความเห็นว่าไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนยังไม่มีความเสถียรภาพมากพอที่จะมาทดแทนโรงไฟฟ้าก๊าซทั้งหมด ดังนั้น อัตราการสำรองไฟฟ้าที่สูงนั้นเป็นเรื่องปกติ
  • ความผันผวนของต้นทุนวัตถุดิบ, การควบคุมต้นทุนการผลิต, ราคาก๊าซธรรมชาติที่คงอยู่ในระดับสูงและอาจปรับลดลงช้ากว่าคาด, ความล่าช้าของโครงการที่กำลังดำเนินการอยู่ เช่น แผนงานก่อสร้างโรงไฟฟ้า แผนงานก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน และแผนการลงทุนใหม่
- Advertisement -