บล. โกลเบล็ก (GBS) ประเมินหุ้นไทยสัปดาห์นี้ยังแกว่งตัวผันผวนหลังสหรัฐบรรลุข้อตกลงเจรจาเพิ่มเพดานหนี้ พร้อมเร่งส่งร่างกฎหมายเข้าสภาคองเกรสก่อนถึงวันกำหนดชำระหนี้เดือนมิ.ย.นี้ แนะจับตาการจัดตั้งรัฐบาลอย่างใกล้ชิด มองกรอบดัชนี 1,515-1,560 จุด แนะลงทุนในหุ้นลงทุนในหุ้น 5 ธีมเด่น“ปันผลดี-หุ้น Megatrend-หุ้นยั่งยืน -หุ้นเติบโตใน EEC-และหุ้นพื้นฐาน”
นางสาววิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS ประเมินทิศทางตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์นี้ยังแกว่งตัวผันผวน โดยได้แรงหนุนจากการบรรลุข้อตกลงขั้นสุดท้ายในการปรับเพิ่มเพดานหนี้ของสหรัฐ หลังจากประธานาธิบดีโจ ไบเดน และนายเควิน แมคคาร์ธี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐได้บรรลุข้อตกลงขั้นสุดท้ายในการปรับเพิ่มเพดานหนี้ ซึ่งถือเป็นย่างก้าวสำคัญในการผลักดันร่างกฎหมายการปรับเพิ่มเพดานหนี้เข้าสู่สภาคองเกรสก่อนถึงกำหนดเส้นตายในการผิดนัดชำระหนี้ของรัฐบาลสหรัฐในต้นเดือนมิ.ย. ซึ่งช่วยให้สหรัฐสามารถหลีกเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้
ขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐสาขาแอตแลนตา เปิดเผยว่า แบบจำลองคาดการณ์ GDP Now ล่าสุดแสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจสหรัฐขยายตัว 1.9% ในไตรมาส 2/2566 หลังจากขยายตัว 1.1% ในไตรมาส 1/2565 1Q65 ส่วนปัจจัยในประเทศยังต้องติดตามการจัดตั้งรัฐบาลอย่างใกล้ชิด ขณะที่ในช่วงเดือนม.ค. – 18 พ.ค. มีนักท่องเที่ยวชาวจีนเดินทางเข้าประเทศไทยจำนวน 1 ล้านคน หลังจากที่จีนเปิดพรมแดนอีกครั้ง ประเมินกรอบการเคลื่อนไหว SET ที่ 1,515-1,560 จุด
ทั้งนี้ ยังมีปัจจัยที่ต้องจับตาในประเทศ อาทิ สัปดาห์ที่ 5 สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.)รายงานภาวะเศรษฐกิจการคลัง ภาวะเศรษฐกิจภูมิภาค ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาค สศอ.แถลงดัชนีอุตสาหกรรม วันที่ 31 พ.ค. กำหนดประชุมกนง.ครั้งที่ 3/2566 และธปท. รายงานภาวะเศรษฐกิจไทย และวันที่ 13 ก.ค. กกต.รับรองผลเลือกตั้งวันสุดท้าย ส่วนปัจจัยต่างประเทศที่ต้องจับตาวันนี้ 30 พ.ค. สหรัฐ รายงานดัชนีราคาบ้านเดือนมี.ค. ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนพ.ค. ดัชนีการผลิตเดือนพ.ค. วันที่ 31 พ.ค. จีน รายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิต-ภาคบริการเดือนพ.ค., สหรัฐ รายงานตัวเลขการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) เดือนเม.ย., เช้าวันที่ 1 มิ.ย. รายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ (Beige Book) จากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) วันที่ 1 มิ.ย. วันสุดท้ายของการบรรลุข้อตกลงการเพิ่มเพดานหนี้สหรัฐ จีน รายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเดือนพ.ค. สหรัฐ รายงานตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนพ.ค. จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นสุดท้ายเดือนพ.ค. ดัชนีภาคการผลิตเดือนพ.ค. และสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์ วันที่ 4 มิ.ย. โอเปกและชาติพันธมิตรประชุมเพื่อกำหนดนโยบายการผลิตน้ำมัน
ดังนั้น แนะนำกลยุทธ์การลงทุนในหุ้น 5 ธีมเด่น ได้แก่
1.หุ้นปันผลดี เช่น หุ้น TISCO จ่ายปันผลสม่ำเสมอติดต่อกัน 5 ปีราว 6.5-8.7%, หุ้น INTUCH จ่ายปันผลสม่ำเสมอติดต่อกัน 5 ปีราว 3.1-6.5%,
2. หุ้น Megatrend เช่น หุ้น BE8, BBIK และ GABLE ซึ่งประกอบธุรกิจให้บริการโซลูชั่นระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและดิจิทัลครบวงจร มีแนวโน้มการเติบโตควบคู่ไปกับการทำ Digital Transformation และประเทศไทยกำลังอยู่ในช่วง Early Stage ของการเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ระบบดังกล่าว โดยข้อมูลของ Gartner บ่งชี้ว่าแนวโน้มการใช้จ่ายด้านไอทีเกี่ยวเนื่องกับการทำ Digital Transformation ช่วง 5 ปีข้างหน้า (ปี 66-69) เติบโตเฉลี่ย (CAGR) 12.8% ต่อปี ขณะที่ Consensus คาดกำไรปี 66 ของ BE8, BBIK และ GABLE โตราว 117%, 109% และ 40% ตามลำดับ ถือว่าเติบโตดีกว่าค่าเฉลี่ยของมูลค่าการใช้จ่ายด้านไอที
3. หุ้นยั่งยืน เช่น EA ดำเนินธุรกิจเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โรงไฟฟ้าพลังงานทดแทน รถบัสไฟฟ้า เรือไฟฟ้า และ WAVE ดำเนินธุรกิจ Carbon Credit
4. หุ้นเติบโตใน EEC เช่น AMATA มีนิคมอุตสาหกรรมในจังหวัดชลบุรีและระยอง, WHA มีนิคมอุตสาหกรรมในจังหวัดชลบุรีและระยอง และ ORI มีโครงการที่อยู่อาศัย และโรงแรมในเขตพื้นที่ EEC
และ 5. หุ้นพื้นฐานเด่น อาทิ PJW ผลการดำเนินงานปี 2566 เติบโตต่อเนื่อง โดยมีแรงหนุนจากเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวกลับมาฟื้นตัว และ XO ธุรกิจปี 2566 ฟื้นตัวสู่ 20% เนื่องจากได้แรงหนุนจากคำสั่งซื้อใหม่จากสหรัฐ แคนาดา และเม็กซิโก
ส่วนทิศทางการลงทุนในทองคำ นายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล. โกลเบล็ก ประเมินภาพรวมราคาทองคำในสัปดาห์นี้จับตาประกาศตัวเลขภาคแรงงานของสหรัฐและการเจรจาขยายเพดานหนี้ มองกดดันตลาดในระยะสั้น เนื่องจากกระทรวงการคลังของสหรัฐได้เตือนฝั่งการเมือง เพราะไม่ต้องการผิดนัดชำระหนี้ อีกทั้งต้องการให้การบริหารประเทศและเศรษฐกิจสามารถดำเนินต่อไปได้ หากไม่สามารถบรรลุข้อตกลงดังกล่าวได้สำเร็จจะเป็นปัจจัยหนุนแก่ราคาทองคำ
ฝ่ายวิจัยประเมินว่าสหรัฐจะไม่ผิดนัดชำระหนี้แต่อาจมีการชัตดาวน์ซึ่งเรามองว่าไม่ส่งผลกระทบต่อความน่าเชื่อถือของสหรัฐ อย่างไรก็ตามปัจจัยทางเทคนิคที่อ่อนแอยังคงเป็นปัจจัยกดดันต่อราคาทองคำ คาดการณ์ราคาทองคำอาจแกว่งตัวผันผวนในกรอบ 1,930-1,980$/oz คำแนะนำซื้อขายตามกรอบที่ให้ไว้