เอ็นไอเอ เปิดตัว 10 ดีพเทคสตาร์ทอัพด้านอวกาศและอากาศยาน ในโครงการ Space Economy : Lifting Off 2023
สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA ภายใต้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม ประกาศ 10 ดีพเทคสตาร์ทอัพด้านเศรษฐกิจอวกาศ ที่ผ่านการคัดเลือกเข้าร่วมโครงการ Space Economy: Lifting Off 2023 เพื่อมาช่วยเติมเต็มความแข็งแกร่งของอุตสาหกรรมอวกาศและอากาศยานของไทยให้เติบโตขึ้น ซึ่งครอบคลุมทั้งกลุ่มเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับอวกาศ (SpaceTech) และอากาศยาน (Aviation) ตั้งแต่ระยะเริ่มต้นจนถึงผู้ที่มีเทคโนโลยีที่พร้อมใช้งานหรือมีการทำธุรกิจเชิงพาณิชย์แล้วใน 4 หัวข้อ คือ 1)Upstream 2) Downstream 3) Aerospace 4) Others เทคโนโลยีอื่นที่อาจนำมาประยุกต์ใช้กับอุตสาหกรรมอวกาศและอากาศยาน
ดร.พันธุ์อาจ ชัยรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA กล่าวว่า “โครงการ Space Economy : Lifting Off ” เป็นโครงการที่ NIA ริเริ่มขึ้นร่วมกับโครงการภาคีความร่วมมืออวกาศไทย (Thai Space Consortium) เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้อุตสาหกรรมอวกาศและอากาศยานของประเทศไทย ผ่านการบ่มเพาะพัฒนาขีดความสตาร์ทอัพที่ใช้เทคโนโลยีเชิงลึกด้านอวกาศและอากาศยาน รวมถึงเป็นกลไกการขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วยการนำเอาทรัพยากรในอุตสาหกรรมอวกาศไปใช้อย่างเต็มรูปแบบเพื่อสร้างคุณค่าและประโยชน์ให้เศรษฐกิจและสังคม ซึ่งได้ดำเนินการต่อเนื่องมาเป็นปีที่ 3 แล้ว โดยดีพเทคสตาร์ทอัพทั้ง 10 ราย ที่ผ่านการคัดเลือกเข้าร่วมโครงการ ได้แก่
“1. ทีม AIRG: WIG craft เครื่องบินลูกผสมระหว่างยานเบาะอากาศกับอากาศยานเพื่อการขนส่งระหว่างเกาะและชายฝั่ง (Albatross II) ด้วยปีก ประสิทธิภาพสูงและโครงสร้างที่เบาแต่แข็งแรง
- ทีม DevDroneMapper (DDM): Land Credit ระบบประเมินที่ดินเกษตรเป็นสินเชื่อด้วยเทคโนโลยีอวกาศและ AI
- ทีม CiiMAV: Multi Environtment UAS ชุดอากาศยานไร้คนขับเพื่อภารกิจหลากสภาพแวดล้อม
- ทีม EarthMove: ประยุกต์ใช้ข้อมูลดาวเทียมโดยการบูรณาการเทคนิค GPS และ InSAR ตรวจวัดการเคลื่อนตัวของแผ่นดิน เพื่อเฝ้าระวังภัยพิบัติ
- ทีม iCreative Systems: ผู้ให้บริการครบวงจรโซลูชันและการรวบรวมข้อมูลดิจิทัลอย่างมืออาชีพทั้งทางภาคพื้นและอากาศ ผ่านระบบUASและLiDAR
- ทีม MUT Space Maker: MUT Sat In Space พื้นที่สร้างสรรค์เทคโนโลยีดาวเทียมขนาดเล็กร่วมกันสำหรับทุกคน ที่สามารถเลือกการเรียนรู้เฉพาะทาง พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกในการพัฒนา subsystem และดาวเทียม
- ทีม Siam Airspace Innovation: การประยุกต์ใช้อากาศยานไร้คนขับร่วมกับระบบปัญญาประดิษฐ์เพื่อการตรวจสอบสภาพแผงโซลาร์เซลล์ในระดับอุตสาหกรรม
- ทีม Spacedox HAPs: พัฒนาการให้บริการสัญญาณโทรศัพท์และ internet ผ่าน balloon
- ทีม Ultimate Drone Solution: โดรนอัตโนมัติเต็มรูปแบบที่ใช้ AI ในการประมวลผลเส้นทางการบิน และ ในการประมวลผลลัพธ์ที่ได้จากการบิน
10.ทีม VEKIN: AI carbon auditor ตรวจวัดการปล่อยและดูดซับก๊าซเรือนกระจกด้วยเทคโนโลยี satellites
“ทั้งนี้ สตาร์ทอัพทั้ง 10 ทีม ที่เข้าร่วมโครงการจะได้รับการบ่มเพาะ และถ่ายทอดองค์ความรู้จากหน่วยงานพันธมิตรและผู้เชี่ยวชาญด้านอุตสาหกรรมอวกาศ ทั้งแบบออฟไลน์และออนไลน์ เป็นระยะเวลากว่า 3 เดือน ซึ่งถือเป็นโอกาสสำคัญในการต่อยอดธุรกิจ และเติมเต็มศักยภาพทางด้านเทคโนโลยี โดยตลอดโครงการทุกทีมจะได้คำแนะนำเชิงลึกจากผู้เชี่ยวชาญและหน่วยงานหลักที่มีบทบาทในอุตสาหกรรมอวกาศของประเทศไทยและต่างประเทศ รวมถึงได้รับคำแนะนำแบบทีมต่อทีมกับผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรม โอกาสทำงานและรับโจทย์จากหน่วยงานพันธมิตร ซึ่งจะช่วยให้ผู้เข้าร่วมโครงการสามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ความต้องการของอุตสาหกรรมได้อย่างตรงจุด และเชื่อมต่อกับนักลงทุนและภาคธุรกิจที่สนใจสร้างความร่วมมือ และสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์หรือบริการในการนำเทคโนโลยีไปประยุกต์และต่อยอดในเชิงพาณิชย์ร่วมกันทั้งในประเทศและระดับสากล” ดร.พันธุ์อาจ กล่าวสรุป