Daily Focus: Selective Play 

2023SET Target: 1620

ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index ปรับตัวบวกได๋ในช่วงเปิดตลาดตามคาด ก่อนที่จะมีแรงขายทยอยออกมากดดันและทำให้ดัชนีย้อนลงมาปิดลบเล็กน้อย 2.66 จุด ณ สิ้นวัน DELTA และ PTTEP หนุนตลาด ขณะที่กลุ่มที่ถ่วงคือโรงไฟฟ้า ไฟแนนซ์ เป็นต้น สถาบันในประเทศขายสุทธิในตลาดหุ้นบางๆ 86 ลบ. ขณะที่นักลงทุนต่างชาติพลิกกลับมาขายสุทธิอีกครั้ง 1.1 พัน ลบ. (และ Short Index Futures 9.1 พันสัญญา)

แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index ยังคงแกว่ง Sideways กรอบ 1,520-1,540 จุด โดยรวมตลาดยังขาดปัจจัยใหม่เข้ามาหนุน สัปดาห์นี้มีตัวเลขเศรษฐกิจจีนทยอยรายงานทั้ง นำเข้า-ส่งออก เงินเฟ้อ ยอดขายรถยนต์ เป็นต้น ขณะที่ไฮไลท์หลักที่ตลาดจับตาคือเงินเฟ้อ CPI สหรัฐฯเดือน พ.ค. ที่จะประกาศสัปดาห์หน้าว่าจะเห็นทิศทางชะลอตัวมากน้อยเพียงใด และตามด้วยการประชุม FOMC ว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ 5-5.25% ตามที่ตลาดคาดการณ์ด้วยความน่าจะเป็นราย 75% หรือไม่ ส่วนปัจจัยในประเทศตัวเลขเศรษฐกิจและนโยบายการเงินไม่มีแรงกดดันเพิ่มเติม ดังนั้นโฟกัสยังอยู่ที่พัฒนาการในการจัดตั้งรัฐบาล หากสำเร็จได้เร็วเราคาดว่าตลาดจะตอบรับเป็นบวกในระยะสั้น ส่วนระยะถัดไปจะขึ้นอยู่กับนโยบายเศรษฐกิจที่จะออกมา โดยรวมหุ้นที่มีความเสี่ยงถูกกระทบจากนโยบายรัฐบาลใหม่จึงยังถูกกดดันและปรับขึ้นได้จำกัด เรามองระยะสั้น Upside ของสินทรัพย์เสี่ยงยังไม่กว้างนักจากแนวโน้มเศรษฐกิจโลก 2H23 ที่มีแนวโน้มชะลอชัดขึ้น ขณะที่เงินเฟ้อและดอกเบี้ยจะยังอยู่ในระดับสูงกว่าปกติอีกระยะหนึ่ง ทำให้ภาคส่งออกคาดว่ายังไม่สดใส เราจึงยังคงเน้นลงทุนในกลุ่ม Domestic มากกว่า Global Play โดยเลือกหุ้นที่มีความเสี่ยงได้รับผลกระทบจากนโยบายรัฐบาลใหม่จำกัด

กลยุทธ์ : เลือกลงทุนในหุ้นที่มีปัจจัยบวกและเสี่ยงกระทบจากนโยบายรัฐบาลใหม่จำกัด // ทยอยสะสมหุ้นเพิ่มที่ฐาน 1,500+- จุด

หุ้นเด่นเดือน มิ.ย. : BDMS, CPN, MAKRO, MINT, ORI

หุ้นเด่นวันนี้ : BEM

  • แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 11.50 บาท
  • ปริมาณผู้โดยสารรถไฟฟ้าและจำนวนรถยนต์บนทางด่วนคาดว่ากลับมาเร่งตัวขึ้นอีกครั้งใน เดือน พ.ค.-มิ.ย. หลังจากผ่านช่วงเทศกาลวันหยุดยาว รวมถึงนักเรียนเริ่มกลับมาเปิดเทอม
  • ประเด็นความกังวลประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้มที่รัฐบาลใหม่อาจมีนโยบายเปลี่ยนแปลง เรามองว่าสะท้อนไปในราคาหุ้นที่ปรับลงจาก High ราว 2 บาทหรือ 20% เสมือนไม่รวมสายสีส้มไปแล้ว ขณะที่ทิศทางผลการดำเนินงานหลักเติบโตขึ้นต่อเนื่อง
  • แนวรับ 8-7.95 บาท แนวต้าน 8.40-8.50 บาท

Fund Flow : วานนี้กระแสเงินทุนค่อนข้างเบาบาง ไหลออกจากภูมิภาคเล็กน้อย US$61 ล้าน เม็ดเงินไหลออกจากไต้หวันและไทยประเทศละ US$31-48 ล้าน และไหลเข้าอินโดนีเซีย US$13 ล้าน ส่วนฟิลิปปินส์และเวียดนามไหลเข้าบางๆประเทศละ US$2-3 ล้าน แนวโน้มของกระแสเงินทุนคาดว่ายังเบาบางตลาดรอดูตัวเลขเศรษฐกิจจีนสัปดาห์นี้ทั้งนำเข้า-ส่งออก เงินเฟ้อ ยอดขายรถยนต์ และโดยเฉพาะสัปดาห์หน้าฝั่งสหรัฐฯจะรายงานตัวเลขเงินเฟ้อ CPI และ การประชุม FED

ประเด็นสำคัญวันนี้

(0) World Bank ปรับเพิ่ม GDP โลกปี 2023 แต่ปรับลดปี 2024 โดยรายงานเดือน มิ.ย. มีการปรับเพิ่ม GDP โลกปี 2023 ขึ้นเป็น +2.1% จากเดิม +1.7% ขณะที่ปี 2024 ปรับลง เหลือ +2.4% จากเดิม +2.7% โดยหลักๆ ปรับภูมิภาคหลักทั้งสหรัฐฯ ยุโรป จีน เอเชียแปซิฟิค ในทิศทางเดียวกันคือปรับปี 2023 ขึ้นและปรับปี 2024 ลง โดยรวมสะท้อนโอกาสเกิด Hard Landing ของเศรษฐกิจที่ลดลง แต่แนวโน้มเศรษฐกิจจะขยายตัวช้าลงกว่าที่เคยประเมินและกินเวลานานขึ้นไปยังปี 2024 จากเงินเฟ้อและดอกเบี้ยที่สูงกว่าระดับปกติ ส่วนไทยตัวเลข GDP ปี 2023 ถูกปรับขึ้นเล็กน้อยเป็น +3.9% และคงปีหน้าที่ +3.6%

(+) เงินเฟ้อ CPI ไทยต่ำกว่าคาด โดยเงินเฟ้อทั่วไปเดือน พ.ค. +0.53% y-y ต่ำกว่าคาด อย่างมีนัยยะที่ +1.6% y-y และชะลอจากเดือน เม.ย. ที่ +2.67% y-y ส่วนเงินเฟ้อพื้นฐานออกมา +1.55% y-y ต่ำกว่าคาดเล็กน้อยที่ +1.6% y-y และชะลอจากเดือน เม.ย. +1.66% y-y สอดคล้องกับที่เราประเมินว่าจะเห็นทิศทางการชะลอตัวของเงินเฟ้ออย่างต่อเนื่อง ตามทิศทางราคาพลังงานและ Commodity ที่ปรับลง และเดือน พ.ค. เป็นเดือนแรกที่เงินเฟ้อทั้งทั่วไปและพื้นฐานปรับลงต่ำกว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายของกนง.ที่ 2% ทำให้อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงเป็นบวก และลดแรงกดดันและความจำเป็นของกนง.ในการปรับขึ้นดอกเบี้ยในอนาคต รวมถึงมีความเป็นไปได้ที่จะเห็นการคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งถัดไป และเป็นจุดสูงสุดของรอบ เรามีมุมมองค่อนไปในทางบวกต่อเศรษฐกิจในประเทศ โดยเฉพาะกำลังซื้อและการบริโภค

(0) NOBLE แนวโน้มผลการดำเนินงาน 2Q23 คาดว่ายังไม่โดดเด่นเช่นเดียวกับ 1Q23 เนื่องจากไม่มีคอนโดใหม่โอน และยังโฟกัสที่การโอนโครงการเก่า 1.1 หมื่นลบ.เป็นหลัก ส่วน 3Q23 คาดมีแรงหนุนจากการบันทึกกำไรพิเศษจากการขายเงินลงทุนใน 2 JV เบื้องต้นราว 400 ลบ.หนุน เราปรับลดประมาณการกำไรปี 2023 ลง 22% เหลือ 836 ลบ. +84% y-y เพื่อสะท้อนการขายโครงการที่ช้า ยอดขายลูกค้าต่างชาติที่ฟื้นช้ากว่าคาด การเปิดโครงการใหม่ที่ล่าช้า และ Margin ที่ต่ำกว่าคาด ส่งผลให้ราคาเป้าหมายลดลงเหลือ 4.70 บาท และมี Upside จำกัด จึงลดคำแนะนำลงเป็น “ถือ”

(0) ตลาดดาวโจนส์ เพิ่มขึ้นเล็กน้อย 10.42 จุด หรือ +0.03% ปิดที่ 33,573.28 จุด ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐ และการประชุมนโยบายการเงินของ FED

(-) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดบวก ได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มเฮลท์แคร์ ซึ่งเป็นตัวแทนของหุ้นกลุ่มปลอดภัย (Defensive stock)

(0) ตลาดหุ้นเอเชีย เปิดผสม ขณะที่นักลงทุนรอติดตามตัวเลขส่งออกของจีนในเช้านี้

(0) ค่าเงินบาท ทรงตัว อยู่ที่บริเวณ 34.72 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ลดลง 41 เซนต์ หรือ 0.6% ปิดที่ 71.74 ดอลลาร์/ บาร์เรล โดยนักลงทุนกังวลเศรษฐกิจโลกชะลอตัวจะกระทบต่อความต้องการใช้น้ำมัน ในขณะที่เช้านี้รีบาวน์ที่ระดับ 71.88 ดอลลาร์/บาร์เรล +0.20%

(+) ราคาทองคำ COMEX เพิ่มขึ้น 7.20 ดอลลาร์ หรือ 0.36% ปิดที่ 1,981.50 ดอลลาร์/ออนซ์ ได้ปัจจัยบวกจากการคาดการณ์ว่า FED จะคงดอกเบี้ยในการประชุมสัปดาห์หน้า ในขณะที่เช้านี้ปรับตัวขึ้นต่อที่ระดับ 1,981.90 ดอลลาร์/ ออนซ์ +0.02%

SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 938.11 | -1.45

- Advertisement -