นายอนันต์ ตั้งตรงเวชกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท น้ำตาลบุรีรัมย์ จำกัด (มหาชน) หรือ BRR

บมจ.น้ำตาลบุรีรัมย์ หรือ BRR” ปลื้ม!! ทริสเรทติ้ง คงอันดับเครดิตองค์กร “BBB-” ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนผลงานที่ยาวนานของบริษัทในธุรกิจน้ำตาล ตลอดจนประโยชน์จากการกระจายความเสี่ยงธุรกิจไปสู่การผลิตไฟฟ้าและการผลิตบรรจุภัณฑ์

 นายอนันต์ ตั้งตรงเวชกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท น้ำตาลบุรีรัมย์ จำกัด (มหาชน) หรือ BRR  เปิดเผยว่า ล่าสุดบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด คงอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัท น้ำตาลบุรีรัมย์ จำกัด (มหาชน) ในระดับ “BBB-” ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่”  สะท้อนถึงผลงานที่ยาวนานของบริษัทในธุรกิจน้ำตาล ตลอดจนประโยชน์จากการกระจายธุรกิจไปสู่การผลิตไฟฟ้าและการผลิตบรรจุภัณฑ์

โดยทริสเรทติ้ง คาดว่ารายได้จากการดำเนินงานรวมของบริษัทจะอยู่ที่ระดับประมาณ 5.5 พันล้านบาทต่อปีในช่วงระหว่างปี 2566-2568 แม้ว่าราคาน้ำตาลในช่วงที่ผ่านมาจะเพิ่มขึ้นสูงมาก แต่ทริสเรทติ้งคาดว่ารายได้ของบริษัทจะลดลงเนื่องจากปริมาณอ้อยของบริษัทในปี 2566 ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ จากเหตุการณ์น้ำท่วมหนักในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทยในช่วงปลายปี 2565 อย่างไรก็ตาม ทริสเรทติ้งคาดว่าปริมาณอ้อยของบริษัทจะค่อย ๆ ปรับเพิ่มขึ้นในอนาคตตามกลยุทธ์การเพิ่มผลผลิตอ้อยที่บริษัทอยู่ในระหว่างดำเนินการ โดย EBITDA Margin ของบริษัทคาดว่าจะอยู่ที่ระดับประมาณ 18.6% ในปี 2566 และจะอยู่ที่ระดับ 14-17% ในช่วงระหว่างปี 2567-2568 จากราคาน้ำตาลที่คาดว่าจะค่อยๆ ลดลงสู่ระดับปกติในปี 2568 ในขณะที่ EBITDA คาดว่าจะอยู่ที่ระดับประมาณ 1 พันล้านบาท ในปี 2566 และที่ระดับ 750-900 ล้านบาท ในช่วงระหว่างปี 2567-2568

อย่างไรก็ดี BRR ได้ขยายการลงทุนไปยังธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับอ้อยและน้ำตาล เพื่อใช้ประโยชน์สูงสุดจากอ้อยและผลิตภัณฑ์ที่เป็นผลพลอยได้จากกระบวนการผลิตน้ำตาล โดยธุรกิจเกี่ยวเนื่องหลักของบริษัท คือ ธุรกิจผลิตไฟฟ้า ซึ่งในช่วง 5 ปีที่ผ่านมานั้น บริษัทมีรายได้จากการจำหน่ายไฟฟ้าคิดเป็นประมาณ 6%-10% ของรายได้รวมของบริษัท

BRR มีโรงไฟฟ้าชีวมวลจำนวน 3 แห่ง ซึ่งมีกำลังการผลิตติดตั้งของโรงไฟฟ้ารวมที่ขนาด 29.7 เมกะวัตต์ โดยบริษัทมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาวกับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจำนวน 16 เมกะวัตต์ อนึ่ง ธุรกิจผลิตไฟฟ้าสร้างรายได้ที่มั่นคงซึ่งช่วยลดทอนความผันผวนของราคาน้ำตาลลงได้บ้างบางส่วน

นอกจากนี้ ได้ขยายกิจการไปยังธุรกิจบรรจุภัณฑ์ จากกลยุทธ์ของบริษัทที่มุ่งเน้นการใช้ประโยชน์จากผลิตภัณฑ์ที่เป็นผลพลอยได้จากธุรกิจน้ำตาลและเพื่อตอบรับกับกระแสความนิยมในผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม บริษัทจึงได้ขยายธุรกิจไปยังการผลิตบรรจุภัณฑ์ที่ย่อยสลายได้โดยใช้เยื่อจากชานอ้อยมาใช้ในการผลิตสินค้าบรรจุภัณฑ์อาหารประเภทต่างๆ เช่น จานและชาม ทั้งนี้ ผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่ (ประมาณ 90%) มีเป้าหมายในการส่งออกไปยังประเทศสหรัฐอเมริกา ประเทศในสหภาพยุโรป และประเทศอื่น ๆ ภายใต้คำสั่งการจ้างผลิตสินค้าตามความต้องการของผู้ว่าจ้าง (Original Equipment Manufacturer – OEM) นอกจากนี้ บริษัทยังจำหน่ายผลิตภัณฑ์ในตลาดในประเทศภายใต้แบรนด์ของตนเองคือ “SEW” อีกด้วย

แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงการคาดการณ์ของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะสามารถรักษาความสามารถในการแข่งขันในอุตสาหกรรมน้ำตาลในประเทศไทยเอาไว้ได้ อีกทั้งยังคาดว่าบริษัทจะดำรงสภาพคล่องหรือมีวงเงินสินเชื่อสำรองที่เพียงพอสำหรับรองรับภาระหนี้ได้ ในการนี้ระบบแบ่งปันรายได้ของอุตสาหกรรมน้ำตาลไทย ตลอดจนรายได้ที่มั่นคงจากธุรกิจผลิตไฟฟ้า และรายได้จากธุรกิจบรรจุภัณฑ์จะช่วยลดผลกระทบจากความผันผวนของธุรกิจผลิตน้ำตาลได้บางส่วน

- Advertisement -