ดัชนีเหมือนกับการเมืองคือ “ไม่ไปไหน” / 1.545-1,560
มุมมองตลาดหุ้นวันนี้
- คาดดัชนี SET เช้านี้แกว่งแคบ: จากการที่ตลาดยังรอลุ้นผลการประชุมเฟด ในวันที่ 14 มิ.ย. นี้ แม้รอบประชุมนี้จะเทนําหนักกว่า 71.2% ว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยระดับ 5.00-5.25% ต่อไป แต่ยังคงต้องติดตาม CPI ในคืนวันที่ 13 มิ.ย.นี้ ซึ่งคาดเงินเฟ้อจะชะลอลงจาก 4.9% สู่เดือน พ.ค. ที่ 4.1% จากราคาน้ำมันและสินค้าโภคภัณฑ์ที่เริ่มลดลง หากลดตามคาดจะเป็นบวกต่อกระแสเงินที่อาจไหลกลับสู่สินทรัพย์เสี่ยง อย่างไรก็ตาม Fed Watchtool ยังมองรอบประชุมปลายเดือน ก.ค. มีโอกาสที่เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยและยังต้องติดตามถ้อยแถลงเฟดว่าจะมีท่าทีขึ้นอัตราดอกเบี้ยในรอบประชุมถัดไป 26 ก.ค. หรือไม่ ขณะที่แรงบวกหนุนจากภายนอกเบาบาง จากฝั่งสหรัฐที่ปิดบวก นำโดย Tesla และ GM หลังทั้งสองสามารถตกลงใช้เครือข่าย Super Charge ร่วมกันได้ ส่วนปัจจัยบวกในประเทศยังลุ้นค่าเงินบาทที่แข็งค่า เข้าทดสอบ 34.5 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ จะช่วยหนุนให้ Fund-flow ต่างชาติไหลกลับเข้าซื้อหุ้นไทย หลังจากแรงขายหุ้นไทยแตะ 1 แสนลบ. YTD เริ่มมีการชะลอลง ส่วนปัจจัยกดดันดัชนี ยังมาจาก 1) ความกังวลการเมืองในประเทศยังมีต่อเนื่อง แม้ว่าผลการนับุคะแนนทั้ง 47 หน่วยเลือกตั้งจะไม่เปลี่ยนไปจากเดิม แต่อุปสรรคของพรรคก้าวไกลในการจัดตั้งรัฐบาลยังมีอยู่มาก ทั้งการรับรองคุณสมบัติและผลการเลือกตั้ง, ความกังวลสูตรจัดตั้งรัฐบาลและเสียงโหวตจาก สว.250 เสียง ส่วนกลุ่มพลังงานคาดวันนี้ปรับตัวลงตามราคาน้ำมัน หลังแท่นขุดเจาะน้ำมันในแคนาดาเพิ่มขึ้นกว่า 39 แท่น
- กลยุทธ์ลงทุน: 1) Spending+ท่องเที่ยว: BCP, BDMS, CRC, CPN, ERW, MINT 2) ลุ้นบาทพลิกแข็งค่า: BTG, SYNEX 3) Big-Cap ฟื้นตัว: AOT, ADVANC, BBL, CPF, OR, SCB 4) Anti-Commodity: BGRIM, GPSC, GULF, SCC
ปัจจัยบวก
- SCB EIC คาดตลาดที่อยู่อาศัยทั่วประเทศปี 66 มีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง ตามการฟื้นตัวของศก.และกําลังซื้อจากในประเทศและต่างชาติ โดยหน่วยโอนกรรมสิทธิ์ทั่วประเทศปีนี้มีแนวโน้มขยายตัวราว 1-6%y-y อยู่ที่ 3.97-4.18 แสนหน่วย และมูลค่าโอนกรรมสิทธิ์ปีนี้ คาดขยายตัว 2-7% y-y อยู่ที่ 1.09-1.14 ล้านล้านบาท
- รองโฆษกสํานักนายกฯเผย ม.รัฐทั้งบัตรสวัสดิการ, โครงการค้าประกันสินเชื่อ และช่วยเหลือกลุ่มเปราะบาง ทำให้แนวโน้มเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวและอยู่ในช่วงขาขึ้น
- ททท.หารือ กระทรวงต่างประเทศจัดทำ Visa Plus Streaming โดยจะลดขั้นตอนวีซ่าให้แก่ นทท.จีนที่จะเข้าไทย รวมทั้งตั้งเป้ายอด นทท.รวมปีนี้แตะ 30 ล.ราย
ปัจจัยลบ
- ความตึงเครียดด้านภูมิรัฐศาสตร์ยังมีต่อเนื่อง โดยจีนเตือนเกาหลีใต้ถึงความสัมพันธ์ที่มีมากขึ้นกับสหรัฐ อาจ กระทบต่อความสัมพันธ์ทางการค้ากับจีน ขณะที่สหรัฐมอบเงินช่วยเหลือยูเครน 2 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งจะนำไปซื้อ เครื่องยิงขีปนาวุธ รวมถึงระบบป้องกันทางอากาศ
- แม้ผลการนับคะแนนเลือกตั้งใหมใน 47 หน่วยเลือกตั้งจะมีผลไม่เปลี่ยนแปลง แต่อุปสรรคทางการเมืองยังมีอย่าง ต่อเนื่อง โดยคาดตลาดจะยังถูกกดดันจากการประชุม กกต. 13 มิ.ย. นี้ คาดจะมีการรับรองผลการเลือกตั้งใน ส่วนของผู้ได้รับเลือกตั้งที่ไม่มีข้อร้องเรียนจำนวน 70%
- Baker Hughes รายงานแท่นขุดเจาะสัปดาห์สิ้นสุด 2 มิ.ย. แท่นขุดเจาะในแคนนาดาเพิ่มขึ้นกว่า 39 แท่นสู่ 136 แท่น คาดกดดันกลุ่มพลังงาน
PICKS OF THE DAY
SYNEX BUY
- เป้าหมาย 13.60 / 14.20 แนวรับ 12.80 / 13.00
- ลุ้นบาทพลิกแข็งค่า: ทางฝ่ายคาด หากนักลงทุนต่างชาติพลิกกลับมาซื้อหุ้นไทย บาทจะมีโอกาสพลิกสู่การแข็งค่า ซึ่งจะเป็นผลดีต่อต้นทุนสินค้านำเข้าของทาง SYNEX
- คาดช่วงเวลาที่เหลือของปีจะเติบโตตามเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว: ในไตรมาส 1Q66 บริษัททำกำไรได้เพียง 136 ลบ. (-39%y-y) จากความต้องการอุปกรณ์ประกอบ Work from Home ที่ลดลง อย่างไรก็ตามทางฝ่ายคาดช่วงเวลาที่เหลือของปียังมีโอกาสเติบโตจากหลายปัจจัย ทั้งจาก 1) เศรษฐกิจที่ฟื้นตัว ซึ่งจะช่วยหนุนกำลังซื้อ 2) การเปิดพรมแดนที่จะช่วยหนุนยอดขายกลุ่มอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และ3) การเป็นผู้จัดจำหน่ายโทรศัพท์ HONOR แต่เพียงผู้เดียว
BDMS BUY
- เป้าหมาย 30.00 / 30.75 แนวรับ 27.50 / 28.00
- รับแรงซื้อนักลงทุนต่างชาติ ดันหุ้นกลุ่ม Big Cap: จากแรงซื้อสุทธิของต่างชาติที่เริ่มเห็นสัญญาณกลับมา ขานรับไปกับตัวเลขข้อมูลเศรษฐกิจที่สะท้อนภาพเศรษฐกิจไทยกำลังฟื้น ทำให้ทางฝ่ายคาด BDMS จะเป็นหนึ่งในหุ้น Big Cap ที่จะได้รับความนิยมจากการเข้าซื้อของต่างชาติ
- แนวโน้มการเติบโตคาดยังสดใส: แม้ปกติช่วง 2Q เป็น Low Season ของกลุ่ม รพ. กดดันผลดำเนินงานเบื้องต้นคาดหดตัว q-q หากแต่มองในแง่การเติบโตระยะยาว ทางฝ่ายคาดผลดำเนินงานยังแข็งแกร่ง หลังได้อานิสงส์บวกจากจำนวนผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้นทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ อีกทั้งช่วงสั้นอาจได้แรงหนุนจาก COVID-19 ที่กลับมาระบาดอีกครั้ง