Daily Focus: Selective Play
2023SET Target: 1620
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index พักตัวลงหลังจากที่ปรับตัวขึ้นร้อนแรงในวันก่อนหน้า โดยดัชนีปิดลบ 4.39 จุด ณ สิ้นวัน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายบางลงเหลือ 4.3 หมื่นลบ. โดย DELTA ถ่วงตลาดสูงสุด ตลาดรอจับตาการประชุม FED ในสัปดาห์นี้ สถาบันในประเทศซื้อสุทธิในตลาดหุ้น 1.35 พันลบ. ขณะที่นักลงทุนต่างชาติพลิกกลับมาขายสุทธิอีกครั้ง 1.5 พันลบ. (และ Short Index Futures กว่า 2 หมื่นสัญญา)
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index แกว่ง Sideways to Sideways Up กรอบ 1,545- 1,565 จุด กลุ่มพลังงานที่หนุนตลาดสัปดาห์ก่อน คาดลดความร้อนแรงหลังราคาน้ำมันดิบพลิกมาชะลอตัว ขณะที่โฟกัสสัปดาห์นี้อยู่ที่ตัวเลขเงินเฟ้อ CPI สหรัฐฯเดือน พ.ค. และการประชุม FOMC ว่าจะคงดอกเบี้ยที่ 5-5.25% ตามที่ตลาดคาดหรือไม่ ส่วนเงินเฟ้อหากปรับตัวลงเร็วจะเพิ่มโอกาสที่จะจบรอบดอกเบี้ยขาขึ้น ซึ่งจะเป็นบวกต่อสินทรัพย์เสี่ยงในระยะถัดไป ส่วนปัจจัยในประเทศโฟกัสยังอยู่ที่การจัดตั้งรัฐบาลซึ่งกกต.เตรียมเสนอรับรองส.ส.ชุดแรกวันที่ 13 มิ.ย. นี้ และคาดรับรองครบวันที่ 27 มิ.ย. ซึ่งเรามองว่าเป็น Sentiment บวกอ่อนๆ ต่อตลาดในแง่พัฒนาการการเมืองที่ทยอยคลายตัวที่ละขั้น และโฟกัสใน 2H23 คือการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจ เราประเมินหุ้น Domestic ที่มีความเสี่ยงจากนโยบายรัฐบาลใหม่จะยังฟื้นตัวได้จำกัด โดยเรายังเน้นลงทุนในกลุ่ม Consumption และ Tourism Play ขณะที่ Global Play เรามองแนวโน้มเศรษฐกิจโลก 2H23 ที่ชะลอคาดยังจำกัด Upside แต่จะเป็นจังหวะทยอยสะสมเพื่อรับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกใน 1-2 ปีข้างหน้า
กลยุทธ์ : เลือกลงทุนในหุ้นที่มีปัจจัยบวกและมีแนวโน้มกำไร 2Q23-2H23 แข็งแกร่ง // ทยอยสะสมหุ้นเพิ่มที่ฐาน 1,500+- จุด
หุ้นเด่นเดือน มิ.ย. : BDMS, CPN, MAKRO, MINT, ORI
หุ้นเด่นวันนี้ : BDMS
- แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 34.50 บาท
- แนวโน้มกำไร 2Q23 เบื้องต้นคาดชะลอตัว q-q จากปัจจัยฤดูกาล ซึ่งปกติมักเป็นไตรมาสที่ต่ำที่สุดของปี แต่คาดยังคงเป็นระดับที่แข็งแกร่ง ระยะกลาง-ยาว คาดว่ายังคงได้อานิสงส์จำนวนผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้นทั้งไทยและโดยเฉพาะต่างประเทศ
- เรายังคงประมาณการกำไรทั้งปี 2023 ที่ 1.35 หมื่นลบ. +7% y-y เติบโตแข็งแกร่งต่อเนื่อง และไม่ถูกกระทบจากนโยบายขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ
- แนวรับ 27.50-27 บาท แนวต้าน 30//32 บาท
Fund Flow : เมื่อวันศุกร์กระแสเงินทุนไหลเข้าภูมิภาคต่อเนื่องอีก US$664 ล้าน นำโดยเกาหลีใต้และไต้หวัน US$445 ล้าน และ US$283 ล้าน ตามลำดับ ส่วนอาเซียนไหลพลิกมาไหลออกจากนำโดยไทย US$43 ล้าน มีเพียงเวียดนามที่ไหลเข้าบางๆ ตลาดรอจับตาตัวเลขเงินเฟ้อ CPI สหรัฐฯ และการประชุม FED โดยคาดหวังว่าจะคงอัตราดอกเบี้ย
ประเด็นสำคัญวันนี้
(0) สัปดาห์นี้ไฮไลท์อยู่ที่ตัวเลขเงินเฟ้อ CPI สหรัฐฯ และประชุม FOMC สำหรับเงินเฟ้อ CPI ตลาดคาดเงินเฟ้อทั่วไป +0.2% m-m, +4.1% y-y ชะลอจากเดือนก่อนหน้าค่อนข้างชัดที่ +0.4 m-m, +4.9% y-y ส่วนเงินเฟ้อพื้นฐานตลาดคาด +0.4% m-m, +5.3% y-y จากเดือน เม.ย. ที่ +0.4% m-m, +5.5% y-y ซึ่งชะลอตัวในอัตราที่ช้ากว่าเงินเฟ้อทั่วไป โดยตัวเลขดังกล่าวจะมีผลต่อการตัดสินใจของ FED ในการประชุมวันที่ 13-14 มิ.ย. หากออกมาต่ำกว่าคาด เราประเมินว่าจะสร้างความเชื่อมั่นต่อตลาดมากขึ้นสำหรับโอกาสที่ FED จะคงดอกเบี้ย ที่ 5-5.25% และเพิ่มความหวังที่อาจจะเป็นจุด Peak ของรอบนี้ รวมถึงจะเป็นบวกต่อสินทรัพย์เสี่ยงในระยะกลาง-ยาว
(+) OSP ผู้บริหารตั้งเป้าได้ Market Share เพิ่มขึ้นอย่างน้อย 2% ภายใน 4Q23 จาก 47.3% ใน 4Q22 โดยปริมาณขายที่สูงขึ้นและต้นทุนพลังงานที่ลดลง คาดว่าจะช่วยหนุน Gross Margin ให้ฟื้นตัวในปีนี้ ระยะสั้นแนวโน้มกำไรปกติ 2Q23 คาดฟื้นตัวทั้ง q-q และ y-y ตามการบริโภคที่ฟื้นตัว เราประเมินกำไรปกติปี 2023 ที่ 2.5 พันลบ. +29% y-y ผู้บริหารตั้งเป้ารายได้โต Double Digit และ Margin ดีขึ้นทุกไตรมาส ซึ่งสูงกว่าสมมติฐานของเราในปัจจุบัน หากทำได้ ตามเป้าจะเป็น Upside ต่อประมาณการ รวมถึงราคาเป้าหมายปัจจุบันที่เราให้ไว้ที่ 33 บาท แนะนำ “ซื้อ”
(-) KSL ประกาศกำไรสุทธิ 2Q23 (ก.พ.-เม.ย.) ที่ 419 ลบ. -22% q-q, flat y-y ต่ำกว่าที่คาดว่าจะโต q-q แม้รายได้รวมทำ New High รอบ 14 ไตรมาสทั้งปริมาณขายน้ำตาลและราคาขายเฉลี่ยสูงขึ้น แต่กำไรลดลงและต่ำกว่าคาด เพราะต้นทุนอ้อยที่สูงขึ้นมากกว่าราคาขาย ทำให้ Gross Margin ลดลงเป็น 14.4% จาก 26.1% ใน 1Q23 และ 15.8% ใน 2Q22 ส่วนค่าใช้จ่ายเร่งตัวขึ้นจากค่าขนส่ง และค่าใช้จ่ายในการส่งออก รวม 1H23 บริษัทมีกำไรสุทธิ 956 ลบ. +26% y-y คิดเป็น 61% ของประมาณการทั้งปี แนวโน้มกำไร 2H23 จะอ่อนตัวลง h-h จากปัจจัยฤดูกาล คงราคาเป้าหมาย 4.90 มาท แนะนำ “เก็งกำไร” ตามราคาน้ำตาล
(0) คาดการณ์หุ้นเข้าออก SET50/SET100 สำหรับ SET50 หุ้นที่คาดเข้าคือ TLI WHA ออก JMT JMART ส่วน SET100 คาดหุ้นหุ้นคือ AEONTS AURA BTG ERW MBK SNNP TASCO TLI หุ้นออก BEC EPG JAS KEX ONEE QH RBF SINGER
(+) ตลาดดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 43.17 จุด หรือ +0.13% ปิดที่ 33,876.78 จุด ขณะที่นักลงทุนรอตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค CPI ของสหรัฐในวันที่ 13 มิ.ย. และผลการประชุม FED วันที่ 14 มิ.ย. นี้
(-) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดลบ จากนักลงทุนชะลอการซื้อขายหุ้นก่อนการประชุม FED และ ECB ในสัปดาห์นี้
(0) ตลาดหุ้นเอเชีย เปิดผสม โดยนักลงทุนรอติดตามผลการประชุมของ FED และ ECB ในสัปดาห์นี้
(0) ค่าเงินบาท ทรงตัวอยู่ที่บริเวณ 34.61 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ลดลง 1.12 ดอลลาร์ หรือ 1.57% ปิดที่ 70.17 ดอลลาร์/บาร์เรล ถูกกดดันจากการที่แท่นขุดเจาะน้ำมันในแคนาดาเพิ่มขึ้นอย่างมาก ในขณะที่เช้านี้ปรับลงต่อที่ระดับ 69.85 ดอลลาร์/บาร์เรล -0.46%
(-) ราคาทองค่า COMEX ลดลง 1.40 ดอลลาร์ หรือ 0.07% ปิดที่ 1,977.20 ดอลลาร์/ออนซ์ จากแรงเทขายทำกำไรหลังจากสัญญาทองคำปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง ในขณะที่เช้านี้ปรับลงต่อที่ระดับ 1,973.20 ดอลลาร์/ออนซ์ -0.20%
SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 931.76 / -2.88