ASL ANALYSIS GUIDE
ประเมิน SET แกว่งตัว sideway เน้นยืนกรอบแนวรับ 1,550-1,545 ไม่ควรต่ำกว่าเพื่อลดความเสี่ยงเกิดสัญญาณกลับตัว แนวต้านทดสอบ 1,570

ประเด็นการลงทุน
1. ตลาดไม่กังวลเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น
2. Update การประชุม ECB และ BOJ
  • วันนี้เคาะ BH แนวโน้มกำไรสุทธิ 2Q66 คาดลดลงเล็กน้อย QoQ เนื่องจากปัจจัยฤดูกาล

MARKET STRATEGY

สรุปตลาดวานนี้ SET ปิดที่ 1,557.71 จุด ลดลง 3.44 จุด (-0.22%) มูลค่าการซื้อขาย 47,156.32 ล้านบาท ทรงตัว รอดูผลประชุม ECB และ BOJ อย่างไรก็ตามหุ้น DELTA ที่ปรับตัวขึ้นมาราว 10% ทำให้ช่วยประคองตลาดเอาไว้ได้บ้าง

Research Highlight: ตลาดไม่กังวลเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น//ตลาดหุ้นไทย upside เริ่มจำกัด

ตลาดไม่กังวลเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น

  • ยอดค้าปลีกเดือนพ.ค.ของสหรัฐเพิ่มขึ้น 0.3% สวนทางกับที่คาดว่าจะหดตัวลง ตามการบริโภคสินค้ายานยต์ และ IT ที่สูงขึ้น ขณะที่ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกอยู่ที่ ระดับ 262,000 รายในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 10 มิ.ย. ทรงตัว WoW แต่ยังสูงกว่าที่คาด
  • ล่าสุดจาก Fed watch tool บ่งชี้ว่านักลงทุนให้น้ำหนัก 71.9% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 5.25-5.50% ในการประชุมวันที่ 25-26 ก.ค. และจะคงไว้ที่ระดับดังกล่าวไปจนถึงสิ้นปีนี้ ขัดแย้งกับ dot plot ที่สะท้อนแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 2 ครั้ง
  • ด้าน US bond yield ปรับตัวลงแรง และ Dollar index ที่อ่อนค่าอย่างรวดเร็ว สะท้อนภาวะตลาดไม่ได้กังวลต่ออัตราดอกเบี้ยที่จะขึ้นได้ต่อและภาวะเงินเฟ้อ
  • คืนนี้ติดตามตัวเลขความเชื่อมั่นผู้บริโภค ตลาดคาดที่ 60.1 หากออกมาดีกว่าคาดจะเป็นลบต่อตลาดหุ้น เนื่องจากเป็นการเปิดโอกาสให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้อย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ ในวันที่ 19 มิ.ย. ตลาดหุ้นสหรัฐฯปิดทำการ เนื่องในวัน Juneteeth

Update การประชุม ECB และ BOJ

  • Update ECB
    • ECB ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 4% ตามคาด สวนทางกับเฟดหนุนดอลลาร์ให้อ่อนค่า เพื่อควบคุมอัตราเงินเฟ้อที่ยังคงอยู่ในระดับที่สูง ที่ล่าสุด CPI พ.ค.+6.1%YoY (กรอบเป้าหมาย 2%) และโดยหลักมาจากฝั่ง demand (อาหาร) เป็นหลัก ทั้งนี้จะมีรายงาน CPI พ.ค. 16 มิ.ย. คาด +6.1%YoY
  • Update BOJ
    • คาดว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ -0.1% แต่ต้องติดตามการส่งสัญญาณที่จะยุติการใช้นโยบาย YCC หลังจากช่วงปลายปี 65 BOJ ได้สร้างความประหลาดใจให้กับตลาดด้วยขยายกรอบอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีของรัฐบาลญี่ปุ่นให้เคลื่อนไหวในช่วง -0.5% ถึง +0.5% จากเดิมที่ -0.25% ถึง +0.25% สะท้อนสัญญาณยุติการใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายพิเศษ ทั้งนี้ CPI เม.ย. อยู่ที่ +3.5%YoY (กรอบเป้าหมาย 2%) จะมีรายงาน CPI พ.ค. วันที่ 23 มิ.ย.

สัปดาห์หน้าติดตาม

  • 20 มิ.ย. อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ LPR ของธ.กลางจีน (คาดว่าจะปรับลดลง 0.1%)
  • 22 มิ.ย. ยอดผู้ยอรับสวัสดิการการว่างงานสหรัฐฯ รายสัปดาห์และยอดขายบ้านมือสอง พ.ค. ของสหรัฐ
  • 23 มิ.ย. เงินเฟ้อ พ.ค. ญี่ปุ่น, PMI ภาคการผลิต มิ.ย. สหรัฐฯ และญี่ปุ่น

Investment Strategy

  • ประเมิน SET แกว่งตัว sideway เน้นยืนกรอบแนวรับ 1550-1545 ไม่ควรต่ำกว่า เพื่อลดความเสี่ยงเกิดสัญญาณกลับตัว แนวต้านทดสอบ 1570
  • ในเชิง Valuation ระยะสั้นการปรับขึ้นของอัตราดอกเบี้ยนโยบายจะเป็นแรงกดดันต่อ EYG ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 2.79% เทียบกับค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 2 ปี ที่ 2.72% บน PE ปัจจุบันของ SET index ที่ 18.65 เท่า ดังนั้นค่า PE ที่ทำให้ EYG เท่ากับค่าเฉลี่ย 2 ปี จะอยู่ที่ 18.89 เท่า หรือที่ระดับ 1578.66 จุด คิดเป็น upside จากระดับ 1560 จุด เพียง 1.2% ทำให้เราเริ่มแนะนำทยอยลดพอร์ทการลงทุน และเปลี่ยนกลยุทธ์การลงทุนแบบ ซื้อสะสมเป็น Selective buy ในหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะ เนื่องจากยังไม่มีปัจจัยบวกใหม่ในประเทศ รอเพียงการ จัดตั้งรัฐบาลและ Preview งบ 2Q66 แนะนำ Selective buy กลุ่มพลังงาน PTTEP BCP TOP กลุ่ม Domestic play MAKRO BJC CRC HMPRO CPN กลุ่มธนาคาร-การเงิน SCB KBANK TIDLOR NCAP

Global Markets

(+) ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดพุ่งขึ้นกว่า 400 จุดขณะที่ ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ปิดที่ระดับสูงสุดในรอบ 14 เดือน หลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจหลายรายการที่ทำให้ตลาดคาดว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ใกล้จะยุติวงจรการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเชิงรุก

(-) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดลบหลัง ECB ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยตามคาด และส่งสัญญาณว่าจะปรับขึ้นอีกเพื่อต่อสู้กับเงินเฟ้อที่ระดับสูง

(+) สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ปิดพุ่งขึ้นโดย ได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของดอลลาร์ รวมทั้งรายงาน การกลั่นน้ำมันเพิ่มขึ้นในประเทศจีน ซึ่งบ่งชี้ว่าอุปสงค์น้ำมันในจีนปรับตัวสูงขึ้น

(+) สัญญาทองคำตลาด COMEX ปิดบวกเนื่องจากการอ่อนค่าของดอลลาร์เป็นปัจจัยหนุนตลาด อย่างไรก็ดี  ตลาดทองคำถูกกดดันในระหว่างวัน เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับการส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด

หุ้นเคาะไป คุยไป…BH

  • แนวโน้มกำไรสุทธิ 2Q66 คาดลดลงเล็กน้อย QoQ เนื่องจากปัจจัยฤดูกาล โดยในช่วง 2Q66 จะเป็นช่วงที่มีวันหยุดยาวมาก และเป็นช่วงรอมฎอน แต่จะเพิ่มได้ YoY ในระดับ double digit (ต่อเนื่องเช่นเดียวกับช่วง 1Q66 ที่โตขึ้นกว่า 118.4%YoY จากฐานที่ต่ำมากในปี 65) ซึ่งโดยหลักการเติบโตจะมาจากรายได้คนไข้ต่างชาติ คาดจะยังเติบโตได้ในระดับ double digit เช่นเดียวกันกับช่วง 1Q66 ที่เพิ่มขึ้นกว่า 78.0%YoY และจะมีแนวโน้มเช่นเดียวกันไปตลอดทั้งปี
  • โดยยังมองผู้ป่วยจากตะวันออกกลาง ผู้ป่วยชาวจีน และผู้ป่วยกลุ่มประเทศ CLMV เพิ่มขึ้นเป็นสำคัญ ทั้งนี้ผู้ป่วยต่างชาติที่ fly-in เข้ามารักษาจะเป็นผู้ป่วยโรคซับซ้อนที่มีความรุนแรง มองว่ารายได้เฉลี่ยต่อบิลมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น รวมถึงมีการปรับค่ารักษาพยาบาลให้สอดคล้องกับค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น ทำให้แนวโน้มอัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวดีขึ้น คาดจะดีกว่าในช่วงก่อนโควิด-19 เล็กน้อย และด้านค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารจะกลับมาทำได้ดีใกล้เคียงช่วงก่อนเกิดโควิด-19 ที่ระดับ 17%
  • ด้านราคาจากประมาณการเดิมในช่วงต้นปีเราแนะนำ ซื้อ ที่ราคาเป้าหมาย 240 บาท อิงวิธี DCF แต่เนื่องจากช่วง 1Q66 คนไข้ต่างชาติกลับเข้ามา รักษามากกว่าที่เราประมาณการเอาไว้มาก รายได้และกำไรสุทธิคิดเป็น 28.4% และ 33.2% ของประมาณการเดิมแล้ว ทำให้มองว่าที่ราคาปัจจุบันยังคงมี upside เหลือแม้ว่าราคาจะปรับตัวขึ้นมา 9.8%YTD แล้วก็ตาม
- Advertisement -