วันนี้คาดตลาด “Sideway Down”

แนวรับ 1,555 / 1,545 แนวต้าน 1,565 / 1,570 Sentiment ลบจากต่างประเทศบ้าง รวมทั้งยังต้องติดตามถ้อยแถลงประธาน FED ขณะที่คาดสัปดาห์นี้อาจมีความชัดเจนทางการเมืองเพิ่มขึ้น

Our View? “ติดตามการเมืองในประเทศ”

คาดตลาดวันนี้ “Sideway Down” มองแนวรับที่บริเวณ 1,555 / 1,545 และแนวต้านที่บริเวณ 1,565 / 1,570 เรามองตลาดอาจได้รับ Sentiment เชิงลบจากตลาดต่างประเทศบ้าง หลังจากเจ้าหน้าที่ของธนาคารกลางสหรัฐ (FED) 2 ท่านออกมาส่งสัญญาณถึงการสนับสนุนการขึ้นดอกเบี้ยต่อไป จากการที่เงินเฟ้อยังไม่สามารถลดลงตามที่คาด และยังไม่เข้าสู่กรอบเป้าหมายที่ระดับ 2.00% เป็นปัจจัยลดทอนความหวังในการที่ FED จะยุติในการขึ้นอัตราดอกเบี้ย สวนทางกับ Dot Plot ของ FED ที่ส่งสัญญาณหลังการประชุม FOMC ที่ผ่านมาว่า FED ยังมีโอกาสปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้อีก 2 ครั้ง ในปีนี้ คาดจะเป็นปัจจัยหนุนทิศทาง Dollar Index ฟื้นตัวขึ้น พร้อมทั้งกระตุ้นแรงขายพันธบัตรสหรัฐในระยะสั้น หนุนทิศทาง US Bond Yield แกว่งตัวขึ้นได้อีกครั้ง ลดทอนความน่าสนใจเชิงเปรียบเทียบระหว่างอัตราผลตอบแทนของสินทรัพย์เสี่ยง/ปลอดภัย กดดันบรรยากาศการลงทุนในตลาดได้บ้าง

อีกทั้งเราคาดว่าสัปดาห์นี้คาดตลาดจะติดตามการแถลงนโยบายรอบครึ่งปีของคุณเจอโรม พาวเวล ประธาน FED ต่อสภาคองเกรสของสหรัฐในวันที่ 21-22 มิ.ย. นี้ เพื่อประเมินทิศทางแนวโน้มการใช้นโยบายทางการเงินในช่วงที่เหลือของปี รวมทั้งมุมมองของ FED ที่มีต่อเศรษฐกิจ-เงินเฟ้อของสหรัฐ คาดจะเป็นปัจจัยจํากัด Upside ของทิศทางราคาสินทรัพย์เสี่ยงได้เช่นกัน

ทางด้านราคาสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI. ส่งมอบเดือน ก.ค. เมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมาฟื้นตัวขึ้นต่อ ปิดที่ระดับ 71.78 ดอลลาร์/บาร์เรล +1.16 ดอลลาร์ (+1.64%) ยังคงได้รับแรงหนุนจากคาดการณ์จีนมีแนวโน้มออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ คาดจะหนุนอุปสงค์น้ำมันฟื้นตัวขึ้นได้ รวมทั้งรายงานปริมาณการกลั่นน้ำมัน เดือน พ.ค. ในจีนพุ่งขึ้น 15.4% YoY คาดจะหนุนทิศทางหุ้นในกลุ่มพลังงาน-โรงกลั่นฟื้นตัวกลับขึ้นได้ (PTTEP, PTTGC, TOP และ SPRC)

สําหรับปัจจัยภายในประเทศสัปดาห์นี้ เราคาดว่าตลาดจะให้ความสนใจกับประเด็นการเมืองในประเทศอีกครั้ง เกี่ยวกับการจัดตั้งรัฐบาลและตำแหน่งประธานสภาฯ หลังจาก กกต. เตรียมประกาศรับรอง สส. แบบแบ่งเขตและบัญชีรายชื่อในช่วง 1-2 สัปดาห์นี้ มองเป็นพัฒนาการเชิงบวกต่อการจัดตั้งรัฐบาลของไทย อย่างไรก็ตาม เรายังมองความไม่แน่นอนทางการเมืองเกี่ยวกับการถือหุ้นสื่อของคุณพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี คาดยังเป็นปัจจัย Overhang จำกัด Upside ของตลาดได้อยู่ ทั้งนี้เรายังแนะนำให้ทยอยซื้อสะสมเมื่ออ่อนตัว สําหรับหุ้นในกลุ่ม Domestic ในประเทศ 1.) หุ้นในกลุ่มธนาคารฯ (KBANK, SCB, และ BBL) ปรับตัวขึ้นได้จากแนวโน้มผลประกอบการ 2Q’66 ที่มีโอกาสฟื้นตัวขึ้นต่อตามทิศทางอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น รวมทั้งเราเริ่มเห็นอัตราการเติบโตของสินเชื่อในบางธนาคารฟื้นตัวขึ้นบ้างแล้ว 2.) หุ้นในกลุ่มค้าปลีก (CPALL, MAKRO, BJC, DOHOME และ GLOBAL) ที่เราคาดผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วและอยู่ในภาพการฟื้นตัวขึ้นต่อเนื่อง โดยได้รับแรงหนุนจากการฟื้นตัวในประเทศจากการบริโภคและการท่องเที่ยวเป็นสำคัญ รวมทั้งยังได้รับประโยชน์จากแนวโน้มค่าไฟที่ปรับลดลง รวมทั้ง 3.) หุ้นในกลุ่มส่งออกสินค้าเกษตร (TU, GFPT, TFG และ CPF) จากตัวเลขการส่งออกสินค้าเกษตรยังคงขยายตัว 23.8% ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 รวมทั้งราคาเนื้อสัตว์ที่เริ่มทยอยปรับตัวขึ้นบ้างแล้ว  คาดจะเป็นจิตวิทยาเชิงบวกหนุนทิศทางหุ้นดังกล่าวฟื้นตัวขึ้นได้ ขณะที่เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ตลท. ประเทศรายชื่อหุ้นที่ใช้ในการคำนวณดัชนี SET50 และ SETTOO ในรอบครึ่งปี’ 66 โดยนำ TLI และ WHA เข้าคำนวณใน SET50 ส่วนหุ้นที่ถูกถอดออกคือ JMT และ JMART และนำ AURA, BTG, ERW, MBK, SNNP, STEC, TASCO และ TLI เข้าคำนวณใน SET100 หุ้นที่ถูกถอดออกคือ BEC, EPG, JAS, KEX, ONEE, QH, RBF และ SINGER มีผลวันที่ 1 ก.ค. นี้ คาดอาจเห็นแรงเก็งกำไรระยะสั้นในหุ้นดังกล่าวได้บ้างเล็กน้อย

ธีมการลงทุน “SelectivePlay”

หุ้นแนะนำวันนี้ “CPF”

  • กลยุทธ์ ทยอยซื้อสะสม แนวรับ 21.30 / 20.80 Target 22.30 / 23.40 Stop <20.60
  • มองราคาหุ้นในช่วงที่ผ่านมา อ่อนตัวรับรู้ความอ่อนแอของผลประกอบการที่อ่อนแอไปบ้างในระดับหนึ่งแล้ว ขณะที่คาดว่าราคาเนื้อสัตว์ที่เริ่มฟื้นตัวขึ้น คาดจะหนุนผลประกอบการ 2H’66 ฟื้นตัวขึ้นได้
  • ทางเทคนิคใน ราคา Breakout แนวต้านที่เส้นแนวโน้มขาลง ยืนตัวเหนือ EMA10 วันได้ต่อเนื่อง

- Advertisement -