DELTA อาจถ่วงตลาด – บล.ไอร่า: 20/06/66

วันนี้คาดตลาด “Sideway Down”

แนวรับ 1,550 / 1,545 แนวต้าน 1,565 / 1,570 เช้านี้ PBOC ปรับลดอัตราดอกเบี้ย LPR ลงครั้งแรกในรอบ 10 ปี กระตุ้นเศรษฐกิจจีน / การเมืองในประเทศดูดีขึ้นแต่ DELTA เสี่ยงไม่สามารถอยู่ SET50 ได้หากติด Cash Balance อีกครั้งเดียว

Our View? “DELTA อาจถ่วงตลาด”

คาดตลาดวันนี้ “Sideways” มองแนวรับที่บริเวณ 1,550 / 1,545 และแนวต้านที่บริเวณ 1,565 / 1,570  คาดวันนี้ตลาดขาดปัจจัยชี้นำจากตลาดต่างประเทศจากการที่เมื่อคืนนี้ตลาดหุ้นสหรัฐปิดทำการเนื่องในวันประกาศอิสรภาพแห่งชาติจูนทีนท์ (Juneteenth National Independence Day) อย่างไรก็ตาม เรายังมองทิศทางตลาดต่างประเทศยังคงให้น้ำหนักไปกับการติดตามคุณ เจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (FED) แถลงนโยบายทางการเงินในรอบครึ่งปีต่อสภาคองเกรสในวันที่ 21-22 มิ.ย. นี้ เพื่อประเมินทิศทางแนวโน้มการใช้นโยบายทางการเงินในช่วงที่เหลือของปี รวมทั้งมุมมองของ FED ที่มีต่อเศรษฐกิจ-เงินเฟ้อของสหรัฐ หลังจากที่เจ้าหน้าที่ FED บางท่านออกมาส่งสัญญาณหนุน FED ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อจากการที่เงินเฟ้อยังไม่สามารถลดลงตามที่คาดการณ์ไว้ คาดจะเป็นปัจจัยจำกัด Upside ของทิศทางราคาสินทรัพย์เสี่ยงได้อยู่ ขณะที่เราเริ่มเห็น Dollar Index วกตัวขึ้นล่าสุดอยู่ที่ระดับ 102.5+/- หลังอ่อนตัวลงต่อเนื่องในช่วงก่อนหน้า พร้อมทั้งอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ (US Bond Yield) แกว่งตัวขึ้นอีกครั้งเช้า รุ่นอายุ 10 ปีอยู่ที่ระดับ 3.81%+/- สะท้อนตลาดเริ่มอยู่ในภาวะ Risk-off มากขึ้นเป็นปัจจัยจำกัด Upside ของทิศทางราคาสินทรัพย์เสี่ยงได้อยู่

ทางด้านฝั่งตลาดในภูมิภาคเช้านี้ธนาคารกลางจีน (PBOC) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้าชั้นดี (Loan Prime Rate : LPR) ลงครั้งแรกในรอบ 10 ปี โดยปรับลด 1-Year LPR ลง 0.10% สู่ระดับ 3.55% และ 5- Year LPR ลง 0.10% สู่ระดับ 4.20% หลังจากที่ก่อนหน้านี้ PBOC ทยอยปรับลดอัตราดอกเบี้ย Reverse Repurchase Rate, SLF และ MLF ลงก่อนหน้า มองเป็นความพยายามกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านนโยบายทางการเงิน หลังอัตราเงินเฟ้อของจีนในระยะถัดไปมีความเสี่ยงเข้าสู่ภาวะเงินฝืด รวมทั้งคาดจีนอาจออกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านนโยบายทางการคลังเพิ่มเติมในระยะถัดไป มองเป็นจิตวิทยาเชิงบวกต่อทิศทางตลาดในภูมิภาค รวมทั้งราคาสินค้าโภคภัณฑ์อาทิปิโตรเคมี (PTTGC และ IVL), ค่าการกลั่น (TOP และ SPRC) และราคาน้ำมัน (PTTEP) ในระยะถัดไป

สำหรับปัจจัยภายในประเทศเรามีมุมมองเชิงบวกต่อการที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีมติประกาศรับรอง ส.ส. ทั้งหมด 500 คน คาดจะมีการเปิดประชุมสภาฯ ไม่เกินวันที่ 4 ก.ค. และจะเข้าสู่ขั้นตอนการเลือกประธานสภาฯ และนายกรัฐมนตรีต่อไปมองเป็นพัฒนาการเชิงบวกต่อการจัดตั้งรัฐบาลของไทย อย่างไรก็ตาม เรายังมองประเด็นความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการถือหุ้นสื่อของคุณพิรา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดต นายกรัฐมนตรี คาดยังมีโอกาสเกิดขึ้นได้จาก กกต. หรือพรรคฝ่ายค้านอาจยื่นเรื่องถึงศาลรัฐธรรมนูญ พิจารณาคาดยังเป็นปัจจัย Overhang จำกัด Upside ของตลาดได้บ้าง อีกทั้งวันนี้เราแนะนำติดตามความเคลื่อนไหวของหุ้น DELTA หลังจากเมื่อวานนี้ ตลท. ติดมาตรการกำกับการซื้อขายระดับ 1 (Cash Balance LV.1) ในวันที่ 20 มิ.ย. – 10 ก.ค. ส่งผลให้ DELTA มีความเสี่ยงที่จะไม่สามารถนำมาคำนวณเกณฑ์การอยู่ในดัชนี SET50 Index มีความเสี่ยงมากขึ้น และคาดจะเป็นแรงกดดันต่อตลาดได้เช่นกัน

ทั้งนี้เรายังแนะนำให้ทยอยซื้อ สะสมเมื่ออ่อนตัวสําหรับหุ้นในกลุ่ม Domestic ในประเทศ 1.) หุ้นในกลุ่มธนาคารฯ (KBANK, SCB, และ BBL) ปรับตัวขึ้นได้ จากแนวโน้มผลประกอบการ 2Q66 ที่มีโอกาสฟื้นตัวขึ้นต่อตามทิศทางอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น รวมทั้งเราเริ่มเห็นอัตราการเติบโตของสินเชื่อในบางธนาคารฟื้นตัวขึ้นบ้างแล้ว 2.) หุ้นในกลุ่มค้าปลีก (CPALL, MAKRO, BJC, DOHOME และ GLOBAL) ที่เราคาดผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว และอยู่ในภาพการฟื้นตัวขึ้นต่อเนื่อง โดยได้รับแรงหนุนจากการฟื้นตัวในประเทศจากการบริโภคและการท่องเที่ยวเป็นสำคัญ รวมทั้ง ยังได้รับประโยชน์จากแนวโน้มค่าไฟที่ปรับลดลง รวมทั้ง 3.) หุ้นในกลุ่มส่งออกสินค้าเกษตร (TU, GFPT, TFG และ CPF) จากตัวเลขการส่งออกสินค้าเกษตรยังคงขยายตัว 23.8% ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 รวมทั้ง ราคาเนื้อสัตว์ที่เริ่มทยอยปรับตัวขึ้นบ้างแล้ว คาดจะเป็นจิตวิทยาเชิงบวกหนุนทิศทางหุ้นดังกล่าวฟื้นตัวขึ้นได้