Daily Focus / Maintain Selective Play 

2023SET Target: 1620

ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index แกว่งตัว Sideways ตามคาดก่อนปิดลบเล็กน้อย 2.47 จุด ณ สิ้นวัน ด้วยมูลค่าการซื้อขายที่เบาบางเพียง 3.3 หมื่นลบ. โดยมี DELTA ที่ปรับตัวขึ้นแรงประคองตลาด ส่วนกลุ่มกลุ่มหลักอื่นๆ พักลงเล็กน้อยอย่างกระจายตัว ภาพรวมตลาดขาดปัจจัยใหม่เข้ามาหนุน สถาบันในประเทศยังคงซื้อสุทธิในตลาดหุ้นบางๆ 193 ลบ. ขณะที่นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิต่อเนื่องอีก 1.25 พันลบ. (แต่พลิกมา Long Index Futures สูงถึงเกือบ 1.7 หมิ่นสัญญา)

แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index ยังคงแกว่งตัว Sideways มองเคลื่อนไหวในกรอบ 1,545-1,565 จุด ขณะที่ DELTA ซึ่งตลาดฯประกาศให้ติด Cash Balance มีโอกาสเผชิญแรงขายระยะสั้นถ่วงตลาดวันนี้ ส่วนปัจจัยต่างประเทศสัปดาห์นี้รอติดตามการประชุม BoE และการแถลงนโยบายการเงินและภาวะเศรษฐกิจของประธาน FED รอบครึ่งปีต่อสภาคองเกรสช่วงกลางสัปดาห์ ขณะที่ปัจจัยการเมืองในประเทศคาดว่าจะเริ่มมีบทบาทและนํ้าหนักมากขึ้นในระยะถัดไป หลังล่าสุดกกต.รับรองผลการเลือกตั้งส.ส.ครบ 500 คนแล้ววานนี้ เตรียมเปิดประชุมสภาฯ ภายใน 15 วันเพื่อเลือกประธานสภาฯ ส่วนโฟกัสหลักอยู่ที่การโหวตเลือกนายกฯ และการจัดตั้งรัฐบาลว่าจะสําเร็จภายในเดือน ก.ค.-ส.ค. ตามที่ตลาดคาดหวังหรือไม่ หากตั้งรัฐบาลสําเร็จเรามองตลาดจะมีความเชื่อมั่นมากขึ้นในระยะสั้น  และจะจับตานโยบายเศรษฐกิจทั้งมาตรการกระตุ้นระยะสั้น และการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจในระยะกลาง-ยาว  อย่างไรก็ตาม เรายังคงประเมินการปรับขึ้นของสินทรัพย์เสี่ยงยังจํากัดจากดอกเบี้ยและ Bond Yield ทั่วโลกที่ยังอยู่ในระดับสูงและยาวนาน ทำให้แนวโน้มเศรษฐกิจใน 2H23 จะเริ่มเห็นการชะลอที่ชัดขึ้น กลุ่ม Global Play เราจึงมองเพียงเก็งกำไรและเลือกเฉพาะหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว และยังชอบกลุ่ม Domestic Play ที่ได้อานิสงส์จากการบริโภคที่ฟื้น และมีความเสี่ยงจากนโยบายรัฐบาลใหม่จํากัด

กลยุทธ์ : วานนี้กระแสเงินทุนพลิกมาไหลออกจากภูมิภาคหนาแน่นพอสมควร US$653 ล้าน นำโดยเกาหลีใต้และไต้หวัน US$438 ล้านและ US$139 ล้าน ตามลำดับ ส่วนอาเซียนไหลออกทุกประเทศเช่นกัน นำโดยไทยและอินโดนีเซียประเทศละ US$27-36 ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนคาดว่ายังอยู่ในทิศทางไหลออก เนื่องจากยังขาดปัจจัยใหม่เข้ามาหนุน ขณะที่ Bond Yield ขยับตัวขึ้นกดดันสินทรัพย์เสี่ยง

หุ้นเด่นเดือน มิ.ย. : BDMS, CPN, MAKRO, MINT, ORI

หุ้นเด่นวันนี้ : TOA

  • แนะนํา “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 40 บาท
  • คาดกำไร 2Q23 ชะลอ q-q ตามปัจจัยฤดูกาล แต่คาดยังโตแกร่ง y-y โดยเฉพาะจาก Demand กลุ่ม Repaint ในไทย ยอดขายในเวียดนามคาดทยอยฟื้นหลังจาก 1Q23 มีปัญหาภาคอสังหาฯ ส่วนด้าน Margin ใน 2Q23 คาดปรับตัวดีขึ้นจากสัดส่วนการใช้ TiO2 จากจีนที่สูงขึ้น และราคาน้ำมันดิบที่ลดลงอย่างมีนัยยะจากปีก่อน
  • เรายังคงประมาณการกำไรปี 2023 ที่ 2.2 พันลบ. +33% y-y และมี Upside จาก Margin ที่อาจทําได้ดีกว่าคาด ส่วนราคาน้ำมันที่ปรับลงเป็นบวกต่อต้นทุนราคาหุ้นปรับลงจากประเด็นลบของ STARK ไม่กระทบและเป็นโอกาสเข้าลงทุน
  • แนวรับ 25 บาท แนวต้าน 28-28.50//30 บาท

Fund Flow : วานนี้กระแสเงินทุนพลิกมาไหลออกจากภูมิภาคหนาแน่นพอสมควร US$653 ล้าน นำโดยเกาหลีใต้และไต้หวัน US$438 ล้านและ US$139 ล้าน ตามลำดับ ส่วนอาเซียนไหลออกทุกประเทศเช่นกัน นำโดยไทยและอินโดนีเซียประเทศละ US$27-36 ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนคาดว่ายังอยู่ในทิศทางไหลออก เนื่องจากยังขาดปัจจัยใหม่เข้ามาหนุน ขณะที่ Bond Yield ขยับตัวขึ้นกดดันสินทรัพย์เสี่ยง

ประเด็นสําคัญวันนี้

(+) DUSIT เราคาดว่าผลการดำเนินงานปี 2023 จะเริ่มพลิกกลับมามีกำไรเล็กน้อย 51 ลบ.หนุนจากธุรกิจโรงแรมที่เริ่มกลับมามีกำไรใน 1Q23 และเตรียมเปิดโรงแรม ASAI Bangkok Sathorn ใน 2Q23 และบริหารโรงแรม 13 แห่งในปีนี้ ส่วนธุรกิจอาหารฟื้นตัวตามการเปิดเทอม ขณะที่ปี 2024 จะเห็นการเติบโตอย่างมีนัยยะจากการเปิด Dusit Central Park ช่วงกลางปีหน้าเริ่มที่โรงแรม ส่วนออฟฟิศและที่อยู่อาศัยจะเปิดในปี 2025 ซึ่งจะหนุนให้กำไรเติบโตเป็น 450 ลบ.และ 2.5 พันลบ. ตามลำดับ นอกจากนี้ยังมี Upside จากการ Spin-off ธุรกิจอาหารในอนาคต เรายังคงราคาเป้าหมายที่ 18 บาท แนะนำ “ซื้อ”

(0) KSL จากผล El Nino อาจกระทบให้อ้อยไทยปีหน้าลดลง -13%-24% y-y เป็นบวกต่อราคาน้ำตาล แต่อาจกระทบปริมาณขายและ Margin มองราคาน้ำตาลโลกสดใสต่อเนื่องไปในปี 2024 จากปัจจุบันราคาน้ำตาลทรายดิบล่วงหน้าขยับขึ้นแรงมาอยู่ที่ 26 เซนต์ต่อปอนด์ จากความกังวลต่อผลผลิตน้ำตาลปี 2023/24 ที่จะลดลงทำให้น้ำตาลโลกเข้าสู่ภาวะสมดุลจากที่เกินดุลในปี 2022/23 ระยะสั้นคาดกำไร 3Q23 (พ.ค.- ก.ค.) จะกลับมาฟื้นตัว q-q จากปริมาณขายน้ำตาลสูงขึ้นตามฤดูกาล อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำตาลที่ปรับขึ้นช่วงนี้ไม่บวกต่อกำไร KSL เพราะได้ล็อกราคาขายส่งออกล่วงหน้าไว้หมดแล้ว แต่จะเป็นบวกต่อปี 2024 เราคาดกำไรปี 2023-24 +19% และ +12% y-y ตามลำดับ คงราคาเป้าหมาย 4.90 บาท แนะนำ “เก็งกำไร” ตามเดิม

(+) SFLEX ที่ประชุมผู้ถือหุ้นวานนี้มีมติอนุมัติการร่วมทุนกับ SCGP ในการเข้าซื้อบริษัท Star Print Vietnam JSC โดย SFLEX จะลงทุนในสัดส่วน 25% ใช้เงินราว 383 ลบ. เราคาดช่วยเพิ่มกำไรให้ในปีนี้ 10 ลบ. (5% ของกำไรสุทธิ) และ 33 ลบ.ปี 2024 บนสมมติฐานการกู้ 300 ลบ. ซึ่งฐานะการเงินยัง แกร่ง D/E ขยับขึ้นแต่ยังต่ำเพียง 0.9x คาดกำไรปี 2023 turnaround +237% ยังคงแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 5.50 บาท ทั้งนี้ โครงการซื้อหุ้นคืนสิ้นสุดแล้ว บริษัทซื้อหุ้นคืนทั้งสิ้น 28.2 ล้านหุ้น (เฉลี่ย 3.54 บาท) ส่วน SFLEX-W1 (ราคาใช้สิทธิ 4.50 บาท) ใช้สิทธิครั้งสุดท้าย ก.ค. นี้ ส่วน SFLEX-W2 มีราคาใช้สิทธิ 10 บาท ความเสี่ยงของ price dilution จำกัด

(0) หุ้นเข้าออก SET50/SET100 งวด 2H23 สำหรับ SET50 หุ้นที่เข้าคือ TLI WHA หุ้นออก JMT JMART ส่วน SET100 คาดหุ้นหุ้นคือ AURA BTG ERW MBK SNNP STEC TASCO TLI หุ้นออก BEC EPG JAS KEX ONEE QH RBF SINGER

(0) ตลาดดาวโจนส์ ปิดทำการวันจันทร์ที่ 19 มิ.ย.เนื่องในวันจูนทีนธ์ (Juneteenth)

(-) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดลบ จากนักลงทุนชะลอการซื้อขายเพื่อรอติดตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจีน โดยนักลงทุนคาดหวังว่าจีนอาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ในวันนี้

(0) ตลาดหุ้นเอเชีย เปิดผสม ขณะที่นักลงทุนคาดหวังว่าจีนอาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ในวันนี้

(-) ค่าเงินบาท อ่อนค่า อยู่ที่บริเวณ 34.77 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

(0) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ปิดท่าการวันจันทร์ที่ 19 มิ.ย.เนื่องในวันจูนทีนธ์ (Juneteenth) ในขณะที่เช้านี้ปรับย่อตัวที่ระดับ 71.29 ดอลลาร์/บาร์เรล -0.68%

(0) ราคาทองคำ COMEX ปิดทำการวันจันทร์ที่ 19 มิ.ย.เนื่องในวันจูนทีนธ์ (Juneteenth) ในขณะที่เช้านี้ปรับย่อตัวที่ระดับ 1,964.30 ดอลลาร์/ออนซ์ -0.35%

SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 934.03 / –

- Advertisement -