บล.ไอร่า: 21/06/66

วันนี้คาดตลาด “Sideway Down”

แนวรับ 1,535 / 1,520 แนวต้าน 1,550 / 1,555 เมื่อคืนนี้ตัวเลขบ้านสหรัฐออกมาสูงสุดในรอบ 1 ปี หนุน FED ขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อ / ปัจจัยภายในประเทศ แม้การเมืองดูดีขึ้น แต่ DELTA มีโอกาสถ่วงตลาดได้อยู่

Our View? “ตัวเลขสหรัฐแบบนี้ FED ไม่น่าหยุดง่ายๆ”

คาดตลาดวันนี้ “Sideway Down” มองแนวรับที่บริเวณ 1,535 / 1,520 และแนวต้านที่บริเวณ 1,550 / 1,555 คาดตลาดจะได้รับจิตวิทยาเชิงลบจากตลาดต่างประเทศ โดยได้รับแรงกดดันจากการที่เจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (FED) จะแถลงนโยบายทางการเงินในรอบครึ่งปีต่อสภาคองเกรสในคืนวันนี้-พรุ่งนี้ ซึ่งคาดว่าจะมีการส่งสัญญาณถึงแนวโน้มการขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อในระยะถัดไป หลังจากหยุดขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุม FOMC เดือน มิ.ย. ที่ผ่านมา ตาม Dot Plot ของ FED ล่าสุดที่คาดจะยังขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้อีกราว 2 ครั้ง มากกว่าที่ตลาดคาด จากการที่อัตราเงินเฟ้อของสหรัฐยังไม่สามารถปรับลดลงตามที่ FED คาดไว้ อีกทั้งเมื่อคืนนี้ตัวยอดการเริ่มสร้างบ้าน (Housing Starts) เดือน พ.ค. ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 1.63 ล้านหลังคา +21.7% MoM สูงกว่าที่ตลาดคาดและมากสุดในรอบปี รวมทั้งตัวเลขใบขออนุญาตก่อสร้างบ้าน (Building Permits) ออกมา 1.49 ล้านหลังคามากกว่าที่ตลาดคาดเช่นกันและเริ่มวกตัวกลับขึ้นอีกครั้ง สะท้อนความแข็งแรงของภาคอสังหาริมทรัพย์สหรัฐ ซึ่งเป็นปัจจัยหนึ่งที่ FED ให้ความสนใจ คาดจะกระตุ้นความกังวล FED จะเดินหน้าขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อเนื่อง หลังจากที่ตลาดอสังหาฯ และตลาดแรงงานของสหรัฐยังคงมีความแข็งแกร่งอยู่มาก ขณะที่อัตราเงินเฟ้อยังไม่ปรับลงสู่กรอบเป้าหมาย

ทางด้านราคาสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI. ส่งมอบเดือน ส.ค. เมื่อคืนนี้แกว่งตัวผันผวนปิดที่ ระดับ 71.19 ดอลลาร์/บาร์เรล -0.74 ดอลลาร์ (-1.03%) คาดได้รับแรงกดดันจากรายงานข้อตกลงเขตการค้าเสรีระหว่างอิร่าน-รัสเซีย มีโอกาสจะบรรลุข้อตกลงภายในสิ้นปีนี้ ซึ่งจะส่งผลให้รัสเซีย-อิหร่านสามารถแลกเปลี่ยนผลิตภัณฑ์น้ำมัน-ก๊าซธรรมชาติในปริมาณที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และคาดจะหนุนปริมาณการส่งออกน้ำมันของอิหร่านสูงขึ้นได้ต่อ ช่วยเพิ่มอุปทานน้ำมันเข้าสู่ตลาด กดดันทิศทางราคาพลังงาน อย่างไรตาม เรายังคงคาดรัฐบาลจีนมีโอกาสออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม ซึ่งจะช่วยเพิ่มอุปสงค์น้ำมันดิบได้ในระยะถัดไป ยังคงเป็นปัจจัยจํากัด Downside ของราคาน้ำมันได้เช่นกัน รวมทั้งยังเป็นจิตวิทยาเชิงบวกต่อราคาสินค้าโภคภัณฑ์ อาทิ ปิโตรเคมี (PTTGC และ IVL), ค่าการกลั่น (TOP และ SPRC) ในระยะถัดไป

สําหรับปัจจัยภายในประเทศเรายังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อการที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีมติประกาศรับรอง ส.ส. ทั้งหมด 500 คน คาดจะมีการเปิดประชุมสภาฯ ไม่เกินวันที่ 4 ก.ค. และจะเข้าสู่ขั้นตอนการเลือกประธานสภาฯ และนายกรัฐมนตรีต่อไปมองเป็นพัฒนาการเชิงบวกต่อการจัดตั้งรัฐบาลของไทย อย่างไรก็ตาม เรายังมองประเด็นความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการถือหุ้นสื่อของคุณพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดต นายกรัฐมนตรี คาดยังมีโอกาสเกิดขึ้นได้จาก กกต. หรือพรรคฝ่ายค้านอาจยื่นเรื่องถึงศาลรัฐธรรมนูญ พิจารณาคาดยังเป็นปัจจัย Overhang จำกัด Upside ของตลาดได้บ้าง อีกทั้งวันนี้เราแนะนำติดตามความเคลื่อนไหวของหุ้น DELTA หลังจากเมื่อวานนี้ ตลท. ติดมาตรการกำกับการซื้อขายระดับ 1 (Cash Balance LV.1) ในวันที่ 20 มิ.ย. – 10 ก.ค. ส่งผลให้ DELTA มีความเสี่ยงที่จะไม่สามารถนํามาคำนวณเกณฑ์การอยู่ในดัชนี SET50 Index มีความเสี่ยงมากขึ้น และคาดจะเป็นแรงกดดันต่อตลาดได้เช่นกัน ทั้งนี้เรายังแนะนำให้ทยอยซื้อสะสมเมื่ออ่อนตัวสําหรับหุ้นในกลุ่ม Domestic ในประเทศ 1.) หุ้นในกลุ่มธนาคารฯ (KBANK, SCB, และ BBL) ปรับตัวขึ้นได้จากแนวโน้มผลประกอบการ 2Q66 ที่มีโอกาสฟื้นตัวขึ้นต่อ ตามทิศทางอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น รวมทั้งเราเริ่มเห็นอัตราการเติบโตของสินเชื่อในบางธนาคารฟื้นตัวขึ้นบ้างแล้ว 2.) หุ้นในกลุ่มค้าปลีก (CPALL, MAKRO, BJC, DOHOME และ GLOBAL) ที่เราคาดผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว และอยู่ในภาพการฟื้นตัวขึ้นต่อเนื่อง โดยได้รับแรงหนุนจากการฟื้นตัวในประเทศจากการบริโภคและการท่องเที่ยวเป็นสำคัญ รวมทั้ง ย้งได้รับประโยชน์จากแนวโน้มค่าไฟที่ปรับลดลง รวมทั้ง 3.) หุ้นในกลุ่มส่งออกสินค้าเกษตร (TU, GFPT, TFG และ CPF) จากตัวเลขการส่งออกสินค้าเกษตรยังคงขยายตัว 23.8% ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 รวมทั้งราคาเนื้อสัตว์ที่เริ่มทยอยปรับตัวขึ้นบ้างแล้ว คาดจะเป็นจิตวิทยาเชิงบวกหนุนทิศทางหุ้นดังกล่าวฟื้นตัวขึ้นได้