KS Daily View 21.06.2023 >>> คาด SET แกว่งผันผวน หลังต่างประเทศเทขายทำกำไรปรับฐาน SET คาดแกว่งตัวในกรอบ 1,520-1,540/1,550 จุด หุ้นแนะนำวันนี้ ERW, AOT

สรุปภาวะตลาดเมื่อวันวานนี้

ต่างประเทศ: ดัชนี DJIA -0.72%, S&P 500 -0.47%, NASDAQ -0.16% โดย Sector ที่ outperform ใน S&P500 ได้แก่ Consumer discretionary (+0.75%) ส่วน Energy (-2.29%), Material (-1.26%), Utilities (-1.17%)

ในประเทศ: SET Index -19.33 pts. หรือ –1.24% เป็น 1,537.59 จุด ตัวขับเคลื่อนหลักสำคัญคือ AOT (+1.0%), ADVANC (+0.9%), TOA (+9.5%), IVL (+2.2%) ตัวฉุดคือ DELTA (-18.7%), MAKRO (-2.7%), BAY (-2.4%), TLI (-2.3%)

แนวโน้มตลาดหุ้นในประเทศ:

คาดดัชนีแกว่งตัวผันผวนในกรอบ 1,525-1540/1550 จุด หลังทิศทางต่างประเทศมีการเทขายทำกำไรปรับฐานช่วงข้ามคืนเนื่องจากดัชนีหุ้นต่างประเทศขึ้นมาเร็วและแรง ขณะที่ด้านปัจจัยการเมืองภายในประเทศที่กำลังจะดูดีขึ้นหลังกกต.รับรองส.ส.แต่คุณพิธาติดโควิดทำให้ต้องมีการเลื่อนประชุม 8 พรรคในการหารือเพื่อเจรจาจัดตั้งรัฐบาลออกไป

ประเด็นสำคัญที่เป็นกระแสในช่วงนี้และมีผลต่อการลงทุน:

1.) วานนี้ DELTA ปรับตัวลง 21.50 บาท (-18.30%) เป็น 96 บาท ส่งผลต่อ SET Index ประมาณ -21.5 จุด เนื่องจากการปรับตัวลงของราคาหุ้น DELTA ทุก 1 บาทจะมีผลต่อดัชนี SET Index 1 จุด ทั้งนี้หากปรับผลของ DELTA ออกเท่ากับว่าดัชนี SET Index ที่ปิดวานนี้ที่ 1,537.59 จุด (-19.33 จุด หรือ -1.24%) แท้จริงควรปิดบวก +2.17 จุด สำหรับกรณีของ DELTA ปัจจุบันติด Cash balance แล้วเป็นครั้งที่สองของปี ทำให้มีความเสี่ยงที่จะหลุดจากการคำนวณ SET50 ในรอบ 1H24 หากติดเกณฑ์มาตรการกำกับการซื้อขายของตลาด (รวม Cash balance ด้วย) เพิ่มภายในเดือน พ.ย. นี้ เพราะจะทำให้หลักทรัพย์มีสภาพการซื้อขายปกติไม่ครบ 9 ใน 12 เดือน การปรับตัวขึ้นลงของราคาหุ้น DELTA กลายเป็นปัจจัยหลักในการกำหนดทิศทางดัชนีตลาด SET index โดยเฉพาะเมื่อปริมาณการซื้อขายในตลาดเบาบางและ นักลงทุน นักเก็งกำไรต่างไม่รู้จะเล่นอะไรดี หลังตลท.สั่งให้ DELTA ถูกซื้อขายด้วยบัญชี cash balance (มีผล 20 มิ.ย.-10 ก.ค. 2566) ทำให้ตลาดมีความเสี่ยงที่จะเคลื่อนไหวผันผวนมากขึ้น แรงเทขายทำกำไรและกระแสเงินที่ไหลออกมาจาก DELTA มีโอกาสที่จะหมุนไปเข้าหุ้นตัวอื่นในตลาด แต่เรามองอาจไม่พอชดเชยให้ดัชนีตลาดปรับตัวเพิ่มขึ้นได้เนื่องจากผลกระทบจากการปรับตัวลงของ DELTA ต่อดัชนีตลาดค่อนข้างสูง หุ้นกลาง-หุ้นเล็กอาจได้ sentiment เชิงลบเมื่อนักเก็งกำไรหันมาเจอดัชนีเป็นสีแดง ดังนั้นเรามองการเกาะไปกับกระแสเงินที่หมุนเข้าหุ้นใหญ่ที่มีพื้นฐานดีและมีปัจจัยบวกหนุนจะมีความเหมาะสมสำหรับการลงทุนในช่วงระยะนี้

2.) สหรัฐฯรายงานตัวเลขการขออนุญาตก่อสร้างในสหรัฐฯ (Building permits) เดือนพ.ค.ที่ 1.49 ล้านยูนิต ยังลดลง 12.7% YoY แต่ฟื้นตัวขึ้นต่อเนื่อง 5.2% MoM เทียบจากราว 1.42 ล้านยูนิตในเดือนก่อนหน้า เช่นเดียวกันกับตัวเลขบ้านก่อสร้างใหม่ (Housing starts) ที่ปรับตัวดีขึ้นแตะระดับ 1.63 ล้านยูนิตในเดือน พ.ค. เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 1.34 ล้านยูนิตหรือปรับเพิ่มขึ้น 21.7% MoM และ 5.7% YoY ข้อมูลสะท้อนการฟื้นตัวขึ้นของภาคอสังหาฯในสหรัฐฯสวนทางกับทิศทางดอกเบี้ยกู้บ้าน (mortgage rate) ที่อยู่ในระดับสูงหลัง Fed fund rate ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจนแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2001 ข้อมูลที่แข็งแกร่งช่วยสนับสนุนมุมมองของ Fed ที่ประเมินว่าสหรัฐฯน่าจะหลีกเลี่ยงการเกิด recession ได้ในปีนี้

Theme การลงทุนสัปดาห์นี้

ประเมินตลาดหุ้นไทยแกว่งตัวในกรอบ 1,520 – 1,555 จุด โดยปัจจัยบวกหลักจะมาจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก หลังเงินเฟ้อเริ่มชะลอตัวทำให้ใกล้จบรอบการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางหลักอย่าง Fed อีกทั้งมีหลายประเทศที่กระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม นอกจากนี้การอ่อนค่าของเงิน USD จะเป็นปัจจัยหนุน Fund flow กลับเข้าลงทุนในตลาดเกิดใหม่ด้วย

หุ้นแนะนำวันนี้

Top pick: ERW (ราคาพื้นฐาน 5.82 บาท) เราประเมินผลประกอบการของ ERW ไตรมาส 2/2566 จะปรับตัวสูงขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาส 2/2562 หรือฟื้นตัวกลับมาได้เหนือกว่าระดับ pre Covid-91 แล้ว หลักๆจาก RevPar ที่สูงขึ้นและค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่ลดลง บริษัท ฯ รายงาน OCR เฉลี่ยเดือนเม.ย.ที่ 78% ลดลง 6 ppts QoQ จาก OCR เฉลี่ยไตรมาส 1/2566 ที่ 84%

Top pick: AOT (ราคาพื้นฐาน 73.5 บาท) แม้ว่าประมาณการกำไรปกติในครึ่งแรกของปี 2566 ของเราจะคิดเป็นเพียง 27% ของประมาณการทั้งปีของเรา แต่เราคาดว่ากำไรจะปรับดีขึ้นอย่างมากในครึ่งหลังของปี FY2566 อีกทั้งเราเชื่อว่าจะไม่มี downside risk ต่อประมาณการของเรา เนื่องจากจำนวนผู้โดยสารมีแนวโน้มจะฟื้นตัวได้อย่างแข็งแกร่ง ส่งผลให้ผลประกอบการจะกลับมาเป็นบวกได้ในปี FY2566 กอปรกับคาดว่ารายได้ที่ไม่ใช่จากธุรกิจการบินจะปรับตัวดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในครึ่งหลังของปี FY2566

รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ:

  • วันพุธ ติดตามการประชุมธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) ตลาดคาดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อ 25bps เป็น 4.75% (เทียบจากเดือนก่อนหน้าที่ 4.50%) แรงกดดันเงินเฟ้อในยุโรปและอังกฤษยังคงอยู่ในระดับสูงและปรับตัวลดลงช้ากว่าฝากฝั่งสหรัฐฯ ตลาดยังมองดอกเบี้ยนโยบายของ BOE จึงน่าจะปรับตัวขึ้นต่อ
  • วันพฤหัสฯ ติดตามตัวเลขภาคการผลิต Chicago PMI ของสหรัฐฯช่วงข้ามคืน แม้เป็นตัวเลขภาคการผลิตระดับเมืองแต่มีความสำคัญเนื่องจากเป็นเมืองที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 ในสหรัฐฯตามจำนวนประชากร ตลาดคาดดัชนีจะออกมาที่ 0.15 (เทียบจากเดือนก่อนหน้าที่ 0.07) ดัชนีมีความสำคัญเนื่องจากเป็นตัวชี้นำตัวเลขดัชนีภาคการผลิต ISM ของสหรัฐฯ ในระยะถัดไป
  • วันศุกร์ ติดตามตัวเลขส่งออกไทยของเดือนพ.ค. ตลาดคาดยังคงหดตัวลงที่ -6.1% YoY (เทียบจากเดือนก่อนหน้าที่ -7.6% YoY) ต่อด้วยข้อมูล Flash PMI ของยุโรป ซึ่งตลาดว่ายังปรับตัวลดลงต่อที่ 44.5 (เทียบจากเดือนก่อนหน้าที่ 44.8)
- Advertisement -