ประเมิน SET แกว่งตัว Sideway ระยะสั้นเน้นยืนแนวรับ 1,518 เป็นจุดพิจารณาหากไม่ต่ำกว่าลุ้นการรีบาวนด์ทางเทคนิค แนวต้านทดสอบ 1,530/1,550
ประเด็นการลงทุน
- วันนี้เคาะ YGG แนวโน้ม 2Q66 มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องตามการทยอยการรับรู้จากลูกค้ารายใหญ่ทั้งในและต่างประเทศแต่จะโดดเด่นมากในช่วง 2H66
MARKET STRATEGY
สรุปตลาดวานนี้ SET ปิดที่ 1,522.12 จุด ลดลง 15.47 จุด (-1.01%) มูลค่าซื้อขาย 43,091.32 ล้านบาท รอปัจจัยบวกใหม่เข้ามา อีกทั้งกังวลทิศทางดอกเบี้ยของสหรัฐ
Research Highlight: ติดตามถ้อยแถลงของประธานเฟดต่อสภาครองเกรส // รอปัจจัยบวกใหม่กระตุ้นตลาด
Update สถานการณ์การลงทุนจากจีน
- จีนคาดอุปสงค์น้ำมันในประเทศปี 66 เพิ่มขึ้นเพียง 3.5% น้อยกว่าคาด
- CNPC คาดการณ์อุปสงค์น้ำมันดิบในจีนจะเพิ่มขึ้นเพียง 3.5% สู่ระดับ 740 ล้านตันในปี 2566 ซึ่งน้อยกว่าที่มีการคาดการณ์ไว้ในเดือนมี.ค.ว่าอุปสงค์น้ำมันดิบจะเพิ่มขึ้น 4.5% เป็นเพราะเศรษฐกิจจีนขยายตัวช้ากว่าที่คาดการณ์ไว้
- ความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจและอุปสงค์น้ำมันที่ชะลอตัวลงของจีน เป็นหนึ่งในปัจจัยที่ฉุดราคาน้ำมันในตลาดโลกร่วงลง โดยขึ้นเป็นประเทศผู้นำเข้าน้ำมันรายใหญ่อันดับ 2 ของโลก
- เป็น Sentiment เชิงลบต่อกลุ่ม China play
- จีนจะขยายนโยบายยกเว้นภาษีการซื้อยานยนต์พลังงานใหม่ (NEV) ไปจนถึงสิ้นปี 2570
- ทางการจะยกเว้นการเก็บภาษีซื้อยานยนต์พลังงานใหม่ที่ซื้อในปี 2567-2568 โดยยานพาหนะแต่ละคันจะได้รับการยกเว้นภาษีสูงสุด 30,000 หยวน (ราว 145,000 บาท)
- ส่วนยานยนต์พลังงานใหม่ที่ซื้อในปี 2569-2570 จะได้รับการลดภาษีซื้อครึ่งหนึ่ง สูงสุด 15,000 หยวน (ราว 72,000 บาท) ต่อคัน
- เพื่อพัฒนาของภาคส่วนยานยนต์พลังงานใหม่และกระตุ้นการบริโภคยานยนต์ โดยมีผลครอบคลุมยานยนต์ไฟฟ้า ยานยนต์ไฮบริด และยานยนต์เซลล์เชื้อเพลิง
- มองเป็น Sentiment เชิงบวกต่อกลุ่ม EV Ecosystem เราชอบ AH SAT EA GPSC WHA
ประธานเฟด ส่งสัญญาณขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อ
- พาวเวลได้แถลงมุมมองเศรษฐกิจและนโยบายการเงินต่อสภาครองเกรส โดยยังคงมุมมองต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปเพื่อฉุดเงินเฟ้อให้ลดลงสู่เป้าหมายที่ระดับ 2%
- ทั้งนี้การตัดสินใจด้านอัตราดอกเบี้ยจะขึ้นอยู่กับข้อมูลที่เฟดได้รับในการประชุมแต่ละนัดมากกว่าที่จะมีการตั้งธงกำหนดแนวทางไว้ล่วงหน้า
- เป็นลบต่อกลุ่มเทคโนโลยีและกลุ่มบริษัทผลิตชิป โดย PHLX Semiconductor index ปรับตัวลงกว่า 2.7% เป็น sentiment เชิงลบต่อกลุ่มชิ้นส่วนฯ และผู้ผลิตชิปในตลาดหุ้นไทย อย่าง DELTA KCE HANA ที่มีแนวโน้มปรับตัวลงกดดันตลาด
- ข้อมูลเศรษฐกิจที่ต้องติดตามในคืนนี้ ได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ยอดขายบ้านมือสองเดือนพ.ค. และดัชนีชี้นำเศรษฐกิจเดือนพ.ค.จาก Conference Board
ก.ท่องเที่ยวฯ คาดต่างชาติเข้าไทย H1/66 ทะลุ 12 ล้านคน สูงสุดในรอบ 3 ปี
- กระทรวงการท่องเที่ยว รายงานข้อมูลจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทยแล้ว 11.89 ล้านคน YTD โดยในสัปดาห์ที่ผ่านมามีนักท่องเที่ยวต่างชาติจำนวนทั้งสิ้น 489,781 คน และคาดการณ์ว่าในสัปดาห์นี้จะมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าไทยรวมราว 480,000 คน จะทำให้ในช่วง 1H66 มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาไทยมากกว่า 12 ล้านคน มากที่สุดในรอบ 3 ปี
- ในปีนี้ทางกระทรวงท่องเที่ยวยังคงจำนวนนักท่องเที่ยวปี 2566 ไว้ที่ 25-30 ล้านคน ซึ่งเป็นการฟื้นตัวเข้าใกล้จำนวนนักท่องเที่ยวของไทยก่อน Covid-19 ในปี 2562 ที่มีจำนวนนักท่องเที่ยว 39.9 ล้านคน อย่างไรก็ดี เรามองว่าเป้าหมายขอบบนที่ 30 ล้านคน มีความเป็นไปได้จากการเพิ่มจำนวนเที่ยวบินจากจีน, นโยบายผ่อนคลาย Visa ของนักท่องเที่ยวจีน และแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อที่ชะลอตัวลงในหลายประเทศ
- หุ้นที่ได้รับประโยชน์ ได้แก่ AOT จากจำนวนเที่ยวบินและจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น, กลุ่มโรงแรม Top pick ได้แก่ AWC, ERW, และ SHR
Investment Strategy
- แนวโน้ม SET มีโอกาสแกว่งตัว sideway ระยะสั้นเน้นยืนแนวรับ 1518 เป็นจุดพิจารณาหากไม่ต่ำกว่าลุ้นการรีบาวนด์ทางเทคนิค แนวต้านทดสอบ 1530/1550
- ในเชิงกลยุทธ์เรามองว่านักลงทุนได้ปรับพอร์ทรอถ้อยแถลงของประธานเฟด ซึ่งจะเสร็จสิ้นในวันพรุ่งนี้ ขณะที่ยังไม่มีปัจจัยบวกใหม่มากระตุ้นตลาด โดยปัจจัยในประเทศมีความกังวลเรื่องสูญญากาศทางการเมือง เนื่องจากมีการเลื่อนการประชุม 8 พรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งเดิมมีกำหนดไว้ในวันที่ 22 มิ.ย. ออกไป เนื่องจาก คุณพิธา และ คุณแพทองธาร ติดโควิด ทำให้ความคืบหน้าด้านการจัดตั้งโผ ครม.และประธานสภาเลื่อนออกไป
- Top pick ที่เรามองว่ามีโอกาสจะถูกทำ Window dressing ได้แก่ SCC SCGP CBG AWC และ BANPU
Global Markets
(-) ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดลบหลังจากนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณว่าเฟดจะเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย จนกว่าเงินเฟ้อจะชะลอตัวลงสู่ระดับเป้าหมายของเฟด
(-) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดลบ เป็นวันที่ 3 ติดต่อกัน เนื่องจากหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ร่วงสูง ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก หลังอังกฤษเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อที่ไม่ได้แสดงสัญญาณการชะลอตัวลงในเดือนพ.ค.แต่อย่างใด และนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณว่า เฟดอาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ
(+) สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ปิดบวก โดยได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของงดอลลาร์ และการแสดงมุมมองเศรษฐกิจเชิงบวกของเจ้าหน้าที่ระดับสูงของจีน นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยบวกจากภาวะอุปทานข้าวโพดตึงตัวในสหรัฐ โดยข้าวโพดเป็นวัตถุดิบสำคัญในการผลิตเอธานอลและเชื้อเพลิง
(-) สัญญาทองคำตลาด COMEX ปิดลบหลังจากนาย เจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่ง สัญญาณว่าเฟดจะเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป เพื่อฉุดเงินเฟ้อให้ลดลงสู่ระดับเป้าหมายของเฟด
หุ้นเคาะไป คุยไป…YGG
- ผู้บริหาร YGG มีแผนที่จะขยายธุรกิจไปยังต้นน้ำอุตสาหกรรมมากขึ้น นั่นคือการเริ่มต้นออกแบบเกม หรือภาพยนตร์ Animation เอง จากปัจจุบันที่เป็นธุรกิจปลายน้ำ ซึ่งให้บริการคอมพิวเตอร์กราฟิกเกี่ยวกับงานโฆษณา ภาพยนตร์ เกมและส่งมอบต่อให้กับเจ้าของงาน เป็นการขยายฐานลูกค้าจาก B2B สู่ B2C ได้มากขึ้น โดย YGG จะร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ต่างประเทศ ซึ่งปัจจุบันได้ร่วมทุนกับ MACO และกำลังเจรจากับฝั่งจีน รวมถึงยังมีแผนไปยังฝั่งสหรัฐ คาดว่าจะเริ่มรับรู้รายได้ในปี 67 ด้านภาพรวมทั้งปี ตั้งเป้ารายได้ขยายตัว 15-20% จากทุกกลุ่มธุรกิจ ทั้ง งานโฆษณา ภาพยนตร์ (VFX) กลุ่ม Animation และกลุ่มเกม ปัจจุบัน บริษัทมีในมือ หรือ Backlog อยู่ที่ 100 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นงานกลุ่ม Animation สำหรับสัดส่วนรายได้ของบริษัทปัจจุบันในแต่ละกลุ่มมีสัดส่วน ใกล้เคียงกันที 30:30:30
- สำหรับแนวโน้ม 2Q66 มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง ตามการทยอยการรับรู้จากลูกค้ารายใหญ่ทั้งในและต่างประเทศ แต่จะโดดเด่นมากในช่วง 2H66 ซึ่งเตรียมเปิดตัวโปรเจคที่มีพาร์ทเนอร์จากจีนและเกาหลี ในงานภาพยนตร์ แอนิเมชั่นก่อนที่จะมีการออนแอร์ผ่านแพลตฟอร์มระดับโลก ขณะที่แผนการเปิดตัวอีเวนต์แรกสำหรับ Social Media Platform ใหม่ของบริษัท ภายใต้ชื่อ Grandora และบริษัทยังอยู่ระหว่างการเจรจาความร่วมมือกับบริษัทในกลุ่ม Entertainment ชั้นน้ำ ในภูมิภาคเอเชีย เพื่อต่อยอดธุรกิจของบริษัทและเป้าหมายในการขยายไปยังธุรกิจต้นน้ำได้อย่าง ยั่งยืนแผนการดาเนินงานเพื่อความยั่งยืน