วันนี้คาดตลาด “Sideways”
แนวรับ 1,449 / 1,490 แนวต้าน 1,510 / 1,520 สัปดาห์น้ีติดตามการเมืองอย่างใกล้ชิด คาดส่งผลให้ตลาดผันผวนได้บ้าง ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศต้องติดตามการสัมภาษณ์ของเจ้าหน้าที่ FED ต่อ
Our View? “อย่างไรก็ตามแต่”
คาดตลาดวันนี้ “Sideways” มองแนวรับที่บริเวณ 1,495 / 1,490 และแนวต้านที่บริเวณ 1,510 / 1,520 คาดตลาดยังคงได้รับจิตวิทยาเชิงลบจากตลาดต่างประเทศ จากการที่นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (FED) แถลงต่อสภาคองเกรสถึงทิศทางของ FED ที่ยังมีแนวโน้มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปจากเงินเฟ้อที่ยังไม่ปรับตัวลงสู่กรอบเป้าหมาย และอยู่สูงกว่าที่ FED คาดไว้ก่อนหน้า เช่นเดียวกับเจ้าหน้าที่ FED หลายท่านออกมาสนับสนุนให้ FED ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งในปีนี้ ผิดจากที่ตลาดคาดไว้จาก CME FED Watch Tools ที่บ่งชี้ว่า FED น่าจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยแค่อีกเพียง 1 ครั้งใน เดือน ก.ค. และจะคงอัตราดอกเบี้ยไปจนถึงสิ้นปี’66 ก่อนที่จะเริ่มปรับลดลง ทั้งนี้เราแนะนำติดตามการออกมาให้สัมภาษณ์ของเจ้าหน้าที่ FED ท่านอื่นในช่วงสัปดาห์นี้ต่อไป คาดน่าจะเป็นมุมมองของ FED ไปในทิศทางเดียวกัน มองเป็นปัจจัยกลับมาสร้างความกังวลถึงแนวโน้มที่เศรษฐกิจสหรัฐมีโอกาสเข้าสู่ภาวะถดถอยจากการใช้อัตราดอกเบี้ยในระดับสูงต่อไป กดดันทิศทางราคาสินทรัพย์เสี่ยงอ่อนตัวลงได้ อีกทั้งยังหนุนค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฟื้นตัวกลับขึ้นได้ โดยล่าสุด Dollar Index เริ่มฟื้นตัวขึ้นสู่ระดับ 103.0+/- เป็นปัจจัยลดทอนความน่าสนใจของตลาดในภูมิภาคในมุมมองความเสียเปรียบในด้านค่าเงิน คาดจะส่งผลให้ Fund-flow ของนักลงทุนต่างชาติอยู่ในภาพอ่อนแอต่อเนื่อง
สําหรับประเด็นความวุ่นวายในรัสเซียจากการที่เผชิญปัญหาภายในจากการก่อการร้ายของกลุ่มวากเนอร์ (Wagner) คาดจะไม่ส่งผลต่อทิศทางตลาดอย่างมีนัยสำคัญ จากการที่นายอเล็กซานเดอร์ ลูกาเชนโก ประธานาธิบดีเบลารุสสามารถเข้ามาเจรจาไกล่เกลี่ยความขัดแย้งดังกล่าวได้แล้ว ทำให้สถานการณ์ในรัสเซียเริ่มกลับมาสู่ภาวะปกติ คาดไม่มีผลต่อสงครามรัสเซีย-ยูเครนเท่าใดนัก แต่อาจทำให้สงครามระหว่างรัสเซีย- ยูเครนยืดเยื้อออกไปได้ต่อ
ทางด้านราคาสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI. ส่งมอบเดือน ส.ค. เมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมาปรับตัวค่อนข้างผันผวน ก่อนจะดีดตัวกลับมาปิดที่ระดับ 69.16 ดอลลาร์/บาร์เรล -0.35 ดอลลาร์ (-0.50%) ได้รับแรงกดดันจากความกังวลเศรษฐกิจสหรัฐ-ยุโรปมีโอกาสถดถอย ซึ่งจะส่งผลให้อุปสงค์น้ำมันลดลง คาดจะกดดันทิศทางราคาหุ้นในกลุ่มพลังงาน (PTTEP, TOP และ SPRC) อ่อนตัวลงได้ อย่างไรก็ตาม หากราคาหุ้นในกลุ่มดังกล่าวอ่อนตัวลงแรงมองเป็นโอกาสในการเล่นรีบาวด์ จากการที่เราคาดว่าราคาน้ำมันดิบยังมีปัจจัยจำกัด Downside จากการปรับลดกำลังการผลิตแบบสมัครใจของซาอุดิอาระเบียในช่วงเดือน ก.ค. นี้ รวมทั้งความขัดแย้งภายในรัสเซียคาดจะส่งผลให้อุปทานขาดเสถียรภาพได้บ้างเล็กน้อย อีกทั้งราคาสัญญาล่วงหน้าก๊าซธรรมชาติปรับตัวขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ที่ระดับ 2.73+/- ดอลลาร์ (+4.64%) คาดจะสามารถช่วยให้ PTTEP ฟื้นตัวขึ้นได้ ขณะที่การฟื้นตัวของราคาค่าระวางเรือ (BDI) เช้านี้อยู่ที่ระดับราว 1,240 ดอลลาร์ (+1.97%) จากการเดินเรือในคลองปานามาเริ่มได้รับผลกระทบจากเอลนีโญที่ทำให้น้ำในคลองแห้ง ส่งผลให้มีการปรับเปลี่ยนเส้นทาง คาดจะหนุนแรงเข้าซื้อเก็งกำไรหุ้นในกลุ่มเรือเทกอง (PSL และ TTA) ฟื้นตัวขึ้นได้ในระยะสั้น
สำหรับปัจจัยภายในประเทศสัปดาห์นี้ เรามีมุมมองเชิงบวกต่อการที่ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่พระราชกฤษฎีกา เรียกประชุมรัฐสภา พ.ศ. 2566 ตั้งแต่วันที่ 3 ก.ค. นี้ อย่างไรก็ตาม ยังต้องติดตามการประชุมของพรรคร่วมรัฐบาล โดยเฉพาะพรรคก้าวไกล-พรรคเพื่อไทย เพื่อจัดตั้งรัฐบาลคาดจะมีการหารือกันเกี่ยวกับตำแหน่งประธานสภาผู้แทนฯ ในวันที่ 28 มิ.ย. นี้ ก่อนที่วันที่ 28 จะมีการนัดพูดคุยเรื่องการจัดตั้งรัฐบาลของ 8 พรรคร่วม มองเป็นพัฒนาการทางบวกในการจัดตั้งรัฐบาลของไทย ขณะที่การเข้าสู่ช่วงสุดท้ายของเดือน มิ.ย. คาดจะเริ่มเห็นการ Preview ผลประกอบการของหุ้นในกลุ่มธนาคาร (BBL, KTB, KBANK และ SCB) ที่คาดกำไร 2Q66 ยังอยู่ในภาพการฟื้นตัวขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศ และการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงที่ผ่านมา รวมทั้งเราเริ่มเห็นอัตราการเติบโตของสินเชื่อในบางธนาคารฟื้นตัวขึ้นบ้างแล้ว อีกทั้งคาดยังหุ้นที่มีความปลอดภัยในการเป็นเป้าหมายในการทำ Window Dressing ในรอบปิดงบ 2Q66 ได้
ธีมการลงทุน “SelectivePlay”
หุ้นแนะนำวันนี้ “SCB”
- คาดแนวโน้ม 2Q’66 จะดีกว่า 1Q’66 จาก NIM ปรับเพิ่มขึ้นจากการขึ้นดอกเบี้ย และ ECL มีแนวโน้มลดลงจาก New NPL ที่ปรับตัวดีขึ้น
- ทางเทคนิคในราคาแกว่งตัวขึ้นประชิดแนวต้าน ที่กรอบทิศทางแนวโน้มขาขึ้นยกจุดต่ำสุดใหม่สูงขึ้นได้ต่อเนื่อง
- กลยุทธ์ ทยอยซื้อสะสม แนวรับ 106.00 / 105.00 Target 109.50 / 113.00 Stop <104.50
