บล.ฟิลลิป:
BBL : คาดกำไร 2Q66 ทำ New high
ซื้อ TP’66: 191.00
ถึงแม้จะคาดว่าสินเชื่อ 2Q66 อาจจะหดตัวลง แต่การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ขึ้นจะยังทำให้รายได้ดอกเบี้ยเพิ่มสูงขึ้น และทำให้กำไรเพิ่มขึ้นทำ New high อย่างไรก็ตาม NPL อาจจะเพิ่มสูงขึ้น แต่การตั้งสำรองจะยังคงอยู่ในระดับเดิม จากที่ BBL มีสัดส่วนสำรองต่อ NPL สูงกว่าค่าเฉลี่ยกลุ่มค่อนข้างมาก มองว่า BBL เป็นธนาคารที่ได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยขาขึ้นมากที่สุด คงราคาพื้นฐาน 191 บาท แนะนำ “ซื้อ”
งบรวม | 2Q66E | 1Q66 | 2Q65 | % y-y | % q-q | 6M66E | 6M65 | % y-y |
กําไร | 11,496 | 10,129 | 6,961 | 65.1 | 13.5 | 21,625 | 14,079 | 53.6 |
EPS | 6.02 | 5.31 | 3.65 | 65.1 | 13.5 | 11.33 | 7.38 | 53.6 |
หมายเหตุ: กำาไร = ล้านบาท, EPS = บาท
- คาด 2Q66 มีกำไร 11.4 พันลบ. เพิ่มขึ้น 65.1% y-y และ 13.5% q-q : ถึงแม้จะคาดว่าสินเชื่อในไตรมาสนี้จะหดตัวลง แต่การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ขึ้นคาดว่าจะทำให้รายได้ดอกเบี้ยยังเพิ่มขึ้นได้ และเมื่อรวมรายได้ค่าธรรมเนียมที่เพิ่มขึ้น และกำไรจากเงินลงทุนที่เพิ่มขึ้น คาดว่าจะทำให้กำไรเพิ่มขึ้นถึง 65.1% y-y และรายได้ดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น และการตั้งสำรองที่ทรงตัวทำให้กำไรเพิ่มขึ้น 13.5% q-q
- สินเชื่อ 2Q66 หดตัว และ NPL อาจจะเพิ่มขึ้น: สินเชื่อของ BBL ในเดือน พ.ค. กลับมาพื้นตัว 0.8% m-m และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นต่อในเดือน มิ.ย. แต่การหดตัวลง 1.2% m-m ในเดือน เม.ย. คาดว่าจะทำให้สินเชื่อใน 2Q66 หดตัวลงประมาณ 0.2% q-q และคาดว่า NPL อาจจะเพิ่มสูงขึ้นจาก 1Q66 ที่มีอยู่ 2.9%
- คงประมาณการและราคาพื้นฐาน แนะนำ “ซื้อ” : ทางฝ่ายยังคงประมาณการกำไรปี 66 ของ BBL ไว้ที่ 41.7 พันลบ. เพิ่มขึ้นถึง 42.2% y-y จากรายได้ดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นมาก โดยโครงสร้างสินเชื่อของ BBL ส่วนใหญ่เป็น สินเชื่อรายใหญ่ ซึ่งถึงแม้ว่าจะให้ผลตอบแทนต่ำกว่าสินเชื่อประเภทอื่น แต่ส่วนใหญ่จะเป็นสินเชื่อที่คิดอัตรา ดอกเบี้ยแบบลอยตัว ซึ่งจะปรับผลตอบแทนขึ้นทันทีที่มีการปรับอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ขึ้น และทำให้ทางฝ่ายมองว่า BBL จะเป็นธนาคารที่ได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยขาขึ้นมากที่สุด คงราคาพื้นฐาน 191 บาท ยังคงแนะนำ “ซื้อ”