วันนี้คาดตลาด “Sideway Down”

แนวรับ 1,460 / 1,450 แนวต้าน 1,477 / 1,485 เมื่อคืนน้ีประธาน FED ส่งสัญญาณขึ้น ดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งตามคาด ขณะที่ความไม่แน่นอนทางการเมืองของไทยยังเป็นปัจจัยหลักถ่วงการฟื้นตัวของตลาดได้ต่อ

Our View? “ยังอยู่ในช่วงหา Low ใหม่”

คาดตลาดวันนี้ “Sideway Down” มองแนวรับที่บริเวณ 1,460 / 1,450 และแนวต้านที่บริเวณ 1,477 /1,485 เรามองตลาดยังไม่มีปัจจัยใหม่เข้าช่วยหนุนการฟื้นตัวขึ้นได้ดี ขณะที่เมื่อคืนนี้คุณเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ยังคงส่งสัญญาณถึงแนวโน้มในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือน ก.ค. และ ก.ย. นี้  โดยระบุว่าตลาดแรงงานตึงตัวมากกว่าคาด และอัตราเงินเฟ้อยังอยู่สูงกว่าที่คาดไว้ แม้ FED จะใช้นโยบายเข้มงวดในช่วงที่ผ่านมาก็ตาม ทั้งนี้ CME FED Watch Tools ให้น้ำหนัก FED จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 0.25% ในเดือน ก.ค. ที่น้ำหนัก 80.0%+/- แต่ยังไม่คาดว่าจะขึ้นอีกครั้งในเดือน ก.ย. สะท้อนตลาดยังไม่ Price-in เกี่ยวกับแนวโน้มการขึ้นดังกล่าว ซึ่งจะเป็นอัตราดอกเบี้ยที่สูงกว่าที่ตลาดคาด และคาดจะคงไว้ในระดับดังกล่าวช่วงเวลาหนึ่ง โดยเรายังคงมองเป็นปัจจัยที่อาจจะส่งผลให้อัตราการผิดนัดชำระหนี้ของบริษัทต่างๆ ในสหรัฐมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นในระยะถัดไป จากต้นทุนทางการเงินที่สูงขึ้นและอาจอยู่ในระยะเวลานานกว่าคาด ซึ่งจะส่งผลให้ความเสี่ยงด้านสภาพคล่องเพิ่มขึ้น และคาดจะเป็นสาเหตุของการเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้ในช่วง 4Q/66 คาดยังเป็นปัจจัยจำกัด Upside ของทิศทางราคาสินทรัพย์เสี่ยงได้อยู่

ทั้งนี้เราแนะนำติดตามการรายงานตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการรายสัปดาห์คาดจะอยู่ที่ระดับ 2.65 แสนตำแหน่ง ทรงตัวเมื่อเทียบเดือนก่อนหน้า และตัวเลขดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือน พ.ค. คาดจะออกมาอยู่ที่ระดับ +3.8% YoY และ +0.1% MoM เริ่มชะลอตัวลงบ้างแล้วแต่ตัวเลข Core PCE คาดยังอยู่ที่ระดับ +4.7% YoY และ +0.3% MoM ยังอยู่ในระดับสูง หากออกมาตามคาด เรามองเป็นการส่งสัญญาณถึงความสามารถในการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ FED ได้ต่อ อีกทั้งเช้านี้ Dollar Index ฟื้นตัวขึ้นพยายามทำจุดสูงสุดใหม่ในภาพระยะสั้นอีกครั้ง โดยได้รับแรงหนุนจากแนวโน้มการขึ้นอัตราดอกเบี้ยดังกล่าวล่าสุดอยู่ที่ระดับราว 103.0 +/- คาดจะเป็นปัจจัยกดดันค่าเงินในภูมิภาครวมถึงค่าเงินบาทอ่อนค่าลงได้ต่อ ลดทอนความน่าสนใจของตลาดภูมิภาคในแง่ของ Fund Flow ของนักลงทุนต่างชาติ

ทางด้านราคาสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI ส่งมอบเดือน ส.ค. เมื่อคืนนี้ปิดที่ระดับ 69.56 ดอลลาร์/บาร์เรล +1.68 ดอลลาร์ (+2.75%) ได้รับแรงหนุนจากการที่สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) รายงานตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลง 9.60 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่ตลาดคาดไว้ว่าจะลดลง 1.26 ล้านบาร์เรล สะท้อนอุปสงค์น้ำมันดิบของสหรัฐยังคงแข็งแกร่ง แม้คาดตลาดยังคงมีความกังวลเกี่ยวกับอุปสงค์น้ำมันดิบจะลดลงจากผลกระทบของการใช้อัตราดอกเบี้ยในระดับสูงบ้างก็ตาม อย่างไรก็ตาม เรายังมองการปรับลดกำลังการผลิตแบบสมัครใจของซาอุดิอาระเบียในช่วงเดือน ก.ค. นี้ เรายังมองเป็นปัจจัยจำกัด Downside ของราคาน้ำมันดิบได้บ้าง คาดจะหนุนทิศทางหุ้นในกลุ่มพลังงานรีบาวด์ขึ้นได้

สําหรับปัจจัยภายในประเทศ เรายังมองความไม่แน่นอนทางการเมืองในการจัดตั้งรัฐบาลจากความขัดแย้งของพรรคร่วมรัฐบาลใหม่ เกี่ยวกับปัญหาตำแหน่งประธานสภาฯ คาดจะเป็นปัจจัยสร้างความกังวลต่อแนวโน้มการจัดตั้งรัฐบาลที่ล่าช้าออกไปได้ต่อ และเป็นปัจจัยหลักจำกัด Upside การฟื้นตัวของตลาดหุ้นไทยได้อยู่ อย่างไรก็ดี การเข้าสู่ช่วงสุดท้ายของเดือน มิ.ย. คาดจะเริ่มเห็นการ Preview ผลประกอบการของหุ้นในกลุ่ม ธนาคาร (BBL, KTB, KBANK และ SCB) ที่คาดกำไร 2Q/66 ยังอยู่ในภาพการฟื้นตัวขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศและการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงที่ผ่านมา รวมทั้งเราเริ่มเห็นอัตราการเติบโตของสินเชื่อในบางธนาคารฟื้นตัวขึ้นบ้างแล้ว อีกทั้งคาดยังหุ้นที่มีความปลอดภัยในการเป็นเป้าหมายในการทำ Window Dressing ในรอบปีดงบ 2Q/66 ได้

ธีมการลงทุน “Selective Play”

หุ้นแนะนำวันน้ี “SAWAD”

  • คาดผลประกอบการจะสามารถฟื้นตัวขึ้นได้ดี หลังจากการซื้อคืนเงินสดทันใจกลับมาจากธนาคารออมสิน อย่างไรก็ตามแนะนำติดตามดูตัวเลข NPL อีกครั้ง
  • ทางเทคนิค ภาพรายสัปดาห์ราคาอ่อนตัว Throwback เส้นแนวโน้มขาลงก่อนหน้า พร้อม SSTO อยู่ในภาวะ Oversold ทำให้คาดว่าอาจมีการรีบาวด์ได้บ้าง
  • กลยุทธ์ เล่นรีบาวด์ แนวรับ 46.00 / 45.50 Target 48.75 / 52.00 Stop <45.00

- Advertisement -