บล.ฟิลลิป:

CPF : ยังมีปัจจัยช่วยลดต้นทุนได้

ซื้อ TP’66: 23.30

การเพิ่มค่าแรงจะทำให้ต้นทุนทั้งค่าแรงและวัตถุดิบสูงขึ้น แต่ยังสามารถนําเข้ากากถั่วเหลืองมาใช้ทดแทนได้ในปีนี้  คาดว่าครึ่งปีหลังทำต้นทุนได้ดีขึ้น, คาด 2H66 ราคาเนื้อสัตว์ปรับตัวได้ดีกว่าครึ่งปีแรก จากการเข้าสู่เทศกาลท่องเที่ยว ปัจจุบันราคาหุ้นปรับตัวลงมามาก ราคาพื้นฐาน 23.30 บาท ปรับคำแนะนำขึ้นเป็น “ซื้อ”

  • นำกากถั่วเหลืองมาลดต้นทุน: คาดต้นทุนข้าวโพดเลี้ยงสัตว์มีแนวโน้มที่จะปรับตัวขึ้นทั้งค่าแรง และค่าปุ๋ยจากนโยบายเพิ่มค่าแรง (ค่าแรงคิดเป็น 40% ค่าปุ๋ย 16% ของต้นทุนข้าวโพดฯ) แต่ธุรกิจผู้เลี้ยงสัตว์ยังสามารถที่จะนำเข้ากากถั่วเหลืองมาทดแทนข้าวโพดได้ในปีนี้ ซึ่งมีต้นทุนที่ถูกกว่าข้าวโพดที่จะนำมาปรับสูตรต้นทุนในช่วงครึ่งปีหลัง คาดจะทำให้ช่วยลดต้นทุนได้ใน 2H66
  • ภาวะเอลนีโญกระทบระยะแรก: ภาวะเอลนิโญครั้งนี้ที่รุนแรงและยาวนานกว่า 3 ปี อาจทำให้ผลผลิตข้าวโพดลดลง จะทำให้ราคาข้าวโพดในประเทศปรับตัวสูงขึ้น จะเริ่มเห็นผลกระทบในปีถัดๆ ไป โดยปกติ CPF จะค่อยๆทยอยปรับราคาสินค้าขึ้นตามต้นทุนที่เพิ่มขึ้น อาจส่งผลกระทบต่อผลประกอบการของผู้เลี้ยงสัตว์ในระยะแรก และจะค่อยๆ ฟื้นตัวตามราคาเนื้อสัตว์ที่ทยอยปรับตัวขึ้นตาม
  • 2H66 ดีขึ้น: ด้วยผลประกอบการ 1Q66 ที่ขาดทุน ทางฝ่ายประมารการณ์กำไรปี 66 ที่ 2,348 ลบ. -83.2%y-y และใน 2Q66 ราคาหมูปรับตัวลงมามากกว่า 1Q66 หากผลประกอบการในไตรมาส 2 ยังไม่ฟื้นตัว q-q อาจมีการปรับคาดการณ์กำไรและราคาพื้นฐานปี 66 ลง แต่ยังคาดว่าราคาเนื้อสัตว์บกจะปรับตัวขึ้นได้ในช่วงครึ่งปีหลัง ที่เป็นช่วงของการท่องเที่ยวจะช่วยผลักดันการบริโภคให้เพิ่มขึ้น ทำให้ผลประกอบการในช่วงครึ่งปีหลังจะดีกว่าครึ่งปีแรก ปัจจุบันราคาหุ้นปรับตัวลงมาค่อนข้างมาก ราคาพื้นฐาน 23.30 บาท ปรับคำแนะนำขึ้นเป็น “ซื้อ”
- Advertisement -