บล.เคจีไอ (ประเทศไทย):
Pruksa Holding (PSH.BK/PSH TB)* เดินหน้าธุรกิจที่มีอัตรากำไรสูง
Event
อัพเดตผลการดำเนินงาน YTD และปรับประมาณการกำไรปี 2566F-2567F
Impact
เน้นโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่มีอัตรากำไร (margin) สูงมากขึ้น
ในปี 2565 PSH ทำสถิติต่ำสุดรายปีด้านยอดจอง (presales) ที่ 1.7 หมื่นล้านบาทและการเปิดโครงการใหม่ที่ 1.1 หมื่นล้านบาท ขณะที่ปีนี้มีแผนเปิดโครงการใหม่เพิ่มเป็นสองเท่ารวมทั้งเพิ่มสัดส่วนโครงการที่อยู่อาศัยที่มีมาร์จิ้นสูงมากขึ้น สำหรับปี 2566F PSH มีโครงการใหม่มูลค่า 2.35 หมื่นล้านบาท ที่เน้นสัดส่วนกลุ่มลูกค้าระดับกลางถึงบนเพิ่มเป็น 35% (จาก 8% ปี 2565) ด้านกลุ่มลูกค้าระดับล่าง (ราคาต่ำกว่า 3 ล้านบาท/ยูนิต) มีสัดส่วนอยู่เกือบ 50% ของมูลค่าโครงการที่ดำเนินการอยู่ลดลงจากช่วงก่อน COVID ที่ 60-70% ทั้งนี้ ในอนาคตอีก 5 ปี PSH วางแผนให้มีสัดส่วนกลุ่มลูกค้าระดับล่าง ระดับกลาง (ราคา 3-5 ล้านบาท/ยูนิต) และระดับบน (5 ล้านบาท/ยูนิต) อยู่ที่ 20%/50% 30% ตามลำดับ
รุกขยายธุรกิจที่ไม่ใช่อสังหาริมทรัพย์ที่มี margin สูง
PSH มีพันธกิจองค์กร (mission) ที่จะเปลี่ยนจากการสร้างที่อยู่อาศัยให้เป็น “พฤกษาใส่ใจ…เพื่อทั้งชีวิต” ด้วยกลุ่มวิมุตเป็น S-curve ใหม่ นับตั้งแต่ปี 2561 PSH ลงทุนในโรงพยาบาลวิมุตและเทพธารินทร์รวม 5.5 พันล้านบาท และมีงบลงทุนอีก 5.6 พันล้านบาทด้านการดูแลสุขภาพ เทคโนโลยีใหม่ในธุรกิจอสังหาฯ และธุรกิจสุขภาพและธุรกิจใหม่ๆ โดยธุรกิจใหม่ยังจะไม่สร้างรายได้ในช่วงต้น เช่น ธุรกิจโรงพยาบาลมีผลขาดทุนก่อนหักดอกเบี้ยและภาษีเงินได้ (EBIT) ปี 2565 ที่ 244 ล้านบาท ลดลงจากขาดทุน 439 ล้านบาทปี 2564 ส่วนปีนี้ (2566) PSH คาดมีรายได้ราว 2 พันล้านบาท และมี EBIT ขาดทุน 180-200 ล้านบาท (เทียบ EBIT ขาดทุน 82 ล้านบาทใน 1Q66) อย่างไรก็ตาม หากดีล M&A จบใน 3Q66F อาจช่วยชดเชยขาดทุนลงราวครึ่งหนึ่ง ทั้งนี้ PSH มีงบลงทุน 1.7 หมื่นล้านบาทในอีก 5 ปี ข้างหน้าเพื่อขยายธุรกิจสุขภาพในกรุงเทพและปริมณฑล ท่ามกลางสัดส่วน net D/E แข็งแกร่งที่ 0.22x
ปรับลดประมาณการกำไรสุทธิปี 2566F ลง
ท่ามกลางสถานการณ์ตลาดอสังหาฯ ชะลอตัว เราปรับลดประมาณปี 2566F ด้านรายได้ลง 7% และกำไรสุทธิหลักลง 9% ทำให้รายได้ใหม่ปี 2566F ลดลง 6% YoY และกำไรลดลง 3% YoY อย่างไรก็ตาม PSH จะรับรู้กำไรก่อนหักภาษีราว 700 ล้านบาทจากการขายเงินลงทุนโรงงาน precast ที่มี margin ต่ำใน 2Q66 ซึ่งช่วยเพิ่มกำไรสุทธิเป็น 3.2 พันล้านบาท (+17% YoY) ทั้งนี้ เราคาดการรับรู้กำไรในระยะยาวต่ำ ปี 2567F จากการมียอดรอโอน (backlog) ในมือต่ำที่สุด และไม่มีรายการรับรู้กำไรพิเศษ
Valuation & action
เราคาดกำไรสุทธิ 2Q66F เพิ่มขึ้นทั้ง QoQ และYoY มาจากกำไรของการขายธุรกิจ precast ขณะที่กำไรของธุรกิจหลักอาจทรงตัว QoQ แต่เพิ่มขึ้น YoY เป็นเลขสองหลักจากฐาน 2Q65 ต่ำ ทั้งนี้ เรายังคงคำแนะนำถือ หุ้น PSH และประเมินราคาเป้าหมายใหม่ที่ 12.60 บาท (จากเดิมที่ 13.40 บาท) อิงจากค่าเฉลี่ย PER ที่ 10.3x เท่ากับค่าเฉลี่ยระยะยาว +0.5S.D. นอกจากนั้น อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลในอดีตปกติ >7% ต่อปี แต่อาจ >8% ต่อปีในปี 2566F จะเป็นเพราะมีการรับรู้กำไรพิเศษ
Risks ภาวะเศรษฐกิจอ่อนแอและมีโอกาสในการปฏิรูปนโยบายจากภาครัฐ