บล.บัวหลวง:
Index Living Mall (ILM TB /ILM.BK)
ILM – เป็นหุ้นที่จะเติบโตอย่างน่าสนใจ แต่อาจจะต้องรอจังหวะเข้าลงทุน
เรากลับมาวิเคราะห์ ILM อีกครั้ง โดยให้คำแนะนำ “ถือ” บริษัทจะสามารถรายงานการเติบโตที่แข็งแกร่งควบคู่กับการฟื้นตัวของอสังหาฯ และการเปลี่ยนกลยุทธ์ขยายตลาดไปสู่กลุ่มระดับกลางๆ
ผู้ค้าปลีกของตกแต่งบ้านชั้นนำที่มีแบรนด์แข็งแกร่ง
ILM เป็นผู้ค้าปลีกชั้นนำในการขายสินค้าตกแต่งบ้านของประเทศไทยที่มีผลิตภัณฑ์หลากหลาย ซึ่งจำหน่ายภายใต้แบรนด์ที่แข็งแกร่ง (เช่น Index Furniture, Younique และ Winner) รวมถึงมีโรงงานผลิตเป็นของตนเอง ณ สิ้นเดือน มี.ค. 2566 บริษัทมีร้านค้า 41 แห่งในประเทศไทย และมีพันธมิตรแฟรนไชส์ 17 รายในเวียดนาม เมียนมาร์ ปากีสถาน เนปาล อินโดนีเซีย ลาว และกัมพูชา
ช่องทางการขายหลักของบริษัทคือร้านค้า (ภายใต้ 4 แบรนด์/รูปแบบ ได้แก่ Index Living Mall, OK Furniture, Trend Design และ Bo Concept) แต่ ILM ยังขายสินค้าทางออนไลน์และมีตัวแทนจําหน่ายบุคคลที่สาม โครงการจัดหา (โดยเฉพาะคอนโด) และส่งออกไปยังแฟรนไชส์ในต่างประเทศ อีกทั้งยังรับผลิตเฟอร์นิเจอร์ตามสั่งสําหรับลูกค้า OEM ในปี 2565 ยอดขาย 76% เป็นของลูกค้ารายย่อย 13% เป็นลูกค้าโครงการ (โครงการ ลูกค้า OEM และการส่งออกไปยังแฟรนไชส์) และ 11% เป็นลูกค้าออนไลน์ แม้ว่าการขายสินค้าให้กับลูกค้ารายย่อยจะให้อัตรากำไรที่สูงกว่า แต่ลูกค้าโครงการและแบบออนไลน์ยังคงรักษาอัตราการใช้กำลังการผลิตของโรงงานให้อยู่ในระดับสูง ซึ่งช่วยลดต้นทุนการผลิตคงที่ต่อหน่วย
ธุรกิจให้เช่าพื้นที่หนุนกำไรให้เพิ่มขึ้น
ILM ยังได้รับรายได้ค่าเช่าผ่านคอมมูนิตี้มอลล์ภายใต้แบรนด์ The Walk, Little Walk และ Index Mall โดยอัตรากำไรสำหรับพื้นที่เช่าค้าปลีกที่สูง ช่วยหนุนกระแสเงินสดและกำไร ณ สิ้นเดือน มี.ค. ILM มีห้างสรรพสินค้า 9 แห่ง โดยมีอัตราการเช่าพื้นที่เฉลี่ยอยู่ที่ 82% ในบรรดาทำเลต่างๆ ห้างสรรพสินค้า ที่จังหวัดนครสวรรค์และลาดกระบังมอลล์ที่เพิ่งเปิดใหม่เป็นสาขาที่ทำได้ดีที่สุด จากอัตราการเช่าพื้นที่เต็ม 100%
กระแสเงินสดที่แข็งแกร่งและการเติบโตของกําไรในระดับปานกลาง
สําหรับปี 2566 เราคาดการเติบโตของรายได้ในระดับปานกลางที่ 5% และการขยายตัวของกำไรสุทธิที่ 7% หนุนโดยการฟื้นตัวของอุปสงค์ โดยเฉพาะในแหล่งท่องเที่ยว เช่น กรุงเทพฯ และภูเก็ต เนื่องจากร้านค้าส่วนใหญ่ทํากําไร อยู่แล้ว เราคาดว่ากระแสเงินสดจะมากกว่างบลงทุนในแต่ละปี นอกจากนี้ เรายังคาดว่า ILM จะยังคงปลอดหนี้ ดังนั้นบริษัทจะสามารถรักษาอัตราการจ่ายเงินปันผลที่อย่างน้อย 60% ซึ่งคิดเป็นอัตราผลตอบแทนเงินปันผลที่สูงกว่า 4% ในปี 2566 เป็นต้นไป
ช่วงโลว์ซีซั่นในไตรมาส 3/66 เป็นโอกาสในการเข้าซื้อ
ราคาเป้าหมายปี 2566 อิงจากวิธีคิดลดกระแสเงินสด (DCF) ของเราคือ 23 บาท โดยชื้อขายที่ PER ในปี 2566 ที่ 17 เท่า และ 15.5 เท่าในปี 2567 ปัจจุบัน ILM ซื้อขายที่ PER ที่ 15.1 เท่าในปี 2566 และ 13.6 เท่าในปี 2567 แม้ว่าราคาซื้อขายต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต (ILM อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ในเดือน ก.ค. 2562) ที่ 15.8 เท่า ยอดขายอ่อนแอตามปัจจัยฤดูกาลในไตรมาส 2 และ 3 ดังนั้นเราจึงเห็นโอกาสในการเข้าซื้อในไตรมาส 3/66 โดยเราแนะนำ “ถือ”