วันน้ีคาดตลาด “แกว่งขึ้นก่อน”
แนวรับ 1,500 / 1,495 แนวต้าน 1,520 / 1,530 การเมืองเริ่มชัดเจนมากขึ้น ลดความกังวลในประเด็นความไม่แน่นอนทางการเมืองลง เริ่มเห็น Fund Flow กลับมาซื้อ Bond ไทย 259.8 ล้านดอลลาร์
Our View? “สัญญาณที่ดี”
คาดตลาดวันนี้ “แกว่งขึ้นในกรอบจำกัด” มองแนวรับที่บริเวณ 1,500 / 1,495 และแนวต้านที่บริเวณ 1,520 / 1,530 มองวันนี้ตลาดจะให้น้ำหนักกับประเด็นการเมืองในประเทศ โดยแนะนำติดตามการเลือกประธานสภาผู้แทนฯ ที่ทางพรรคก้าวไกล-เพื่อไทยแถลงจะเสนอชื่อ คุณวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ เป็นประธานสภาฯ เราคาดจะได้รับการตอบรับที่ดีในการโหวตเลือกประธานสภาฯ ในวันนี้ เพื่อที่จะผลักดันการเสนอชื่อคุณพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกรัฐมนตรีต่อไป ทำให้ตลาดเริ่มเห็นความชัดเจนในการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ได้มากขึ้น ลดความกังวลใน ประเด็นความไม่แน่นอนทางการเมืองลง คาดจะเป็นปัจจัยกระตุ้น Fund Flow ไหลกลับเข้าหาตลาดทุนไทยได้
โดยเราเริ่มเห็นการพลิกกลับมาแข็งค่าระยะสั้นของค่าเงินบาทล่าสุดอยู่ที่บริเวณ 35.0 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ +/- จากก่อนหน้าขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ที่ระดับ 35.7 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ+/- และเริ่มเห็นนักลงทุนต่างชาติกลับมาซื้อตราสารหนี้ไทย 259.8 ล้านดอลลาร์เมื่อวานนี้ เป็นสัญญาณเชิงบวกต่อทิศทางตลาดหุ้นไทยได้ อย่างไรก็ตาม ยังต้องติดตามการโหวตนายกรัฐมนตรีที่จำเป็นต้องใช้เสียงของ สว. เพื่อสนับสนุนด้วย คาดยังเป็นปัจจัย Overhang ตลาดได้บ้าง ทั้งนี้หากพัฒนาการทางการเมืองเริ่มนิ่งและมีความชัดเจนมากขึ้น เรามองว่าตลาดจะกลับมาให้ความสนใจกับการรายงานผลประกอบการ 2Q66 ของตลาดหุ้นไทยในช่วงเดือน ก.ค. นี้ ที่คาดยังไม่โดดเด่นมากนัก โดยได้รับแรงกดดันจากผลประกอบการของหุ้นในกลุ่มพลังงานที่คาดจะได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันที่ยังอ่อนตัวลงในช่วง 2Q′66 สร้างความกังวลเกี่ยวกับการบันทึก Stock Loss อย่างไรก็ดี เรายังมองผลประกอบการหุ้นในกลุ่มธนาคาร-กลุ่มค้าปลีกคาดอยู่ในภาพการฟื้นตัวขึ้นต่อ ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยและการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ ธปท. โดย Bloomberg Consensus คาด EPS ของตลาดหุ้นไทยปี’66 ล่าสุดอยู่ที่ระดับราว 94.2 บาท/หุ้น+/-
ทางด้านปัจจัยต่างประเทศ เรามองยังไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามาช่วยหนุนการปรับตัวขึ้นได้ดี จากการที่ในคืนนี้ตลาดหุ้นสหรัฐปิดทำการเนื่องจากวันชาติสหรัฐ (Independence Day) ขณะที่คาดตลาดจะรอดูรายงานการประชุม FOMC เดือน มิ.ย. เพื่อดูการประเมินทิศทางเศรษฐกิจ-เงินเฟ้อ และแนวโน้มการปรับใช้นโยบายทางการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ในระยะถัดไป จากการที่เมื่อคืนนี้สถาบัน จัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) รายงานตัวเลขดัชนีภาคการผลิตเดือน มิ.ย. ออกมาอยู่ที่ระดับ 46.0 ต่ำกว่าระดับ 50.0 และยังต่ำกว่าเดือนก่อนหน้าและต่ำกว่าที่ตลาดคาด สะท้อนภาวะการหดตัวของภาคการผลิตสหรัฐต่อเนื่อง รวมทั้งยังต้องติดตามตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตร (Nonfarm Payrolls) เดือน มิ.ย. คาดจะออกมาอยู่ที่ระดับ 2.25 แสนตำแหน่ง บ่งชี้ตลาดแรงงานเริ่มชะลอตัวลงบ้าง แล้วอาจเป็นความหวังเชิงบวกให้ตลาดกลับมาประเมินว่า FED อาจจะชะลอการขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้ง ในเดือน ก.ย.
ในส่วนราคาสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI. ส่งมอบเดือน ส.ค. เมื่อคืนนี้ปรับตัวผันผวน โดยพยายามปรับตัวขึ้นก่อนที่จะกลับมาปิดที่ระดับ 69.79 ดอลลาร์/บาร์เรล -0.85 ดอลลาร์ (−1.20%) แม้จะได้รับแรงหนุนจากการที่ซาอุดิอาระเบียประกาศขยายเวลาในการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันแบบสมัครใจ 1 ล้านบาร์เรล/วัน ไปจนถึงสิ้นเดือน ส.ค. พร้อมทั้งรัสเซียที่ส่งสัญญาณจะปรับลดการส่งออกน้ำมันลง 5 แสนบาร์เรล/วัน ในเดือน ส.ค. ซึ่งส่งผลให้ปริมาณน้ำมันในตลาดโลกลดลงราว 1.5% อย่างไรก็ดี เรามองการรายงานตัวเลขภาคการผลิตของสหรัฐที่อ่อนแอกระตุ้นความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐซึ่งคาดจะกระทบอุปสงค์น้ำมัน คาดจะกดดัน ำกัด Upside ของราคาน้ำมัน-หุ้นในกลุ่มพลังงานได้อยู่
ธีมการลงทุน “Selective Play”
หุ้นแนะนำวันนี้ “KBANK”
- คาดคาดปัญหา NPL ของ KBANK ผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว รวมทั้งคาดว่าแนวโน้มกำไร 2Q’66 จะเติบโตได้ทั้ง QoQ และ YoY จากการปรับขึ้นดอกเบี้ยในช่วงที่ผ่านมา OPEX และ ECL ที่คาดจะลดลง
- ทางเทคนิค ราค าBreakout แนวต้านที่เส้นแนวโน้มขาลงระยะสั้น พร้อม MACD วกตัวขึ้นพร้อม SSTO ให้สัญญาณซื้อ
- กลยุทธ์ ทยอยซื้อสะสม แนวรับ 130.00 / 126.00 Target 137.50 / 143.00 Stop <125.00