ผลโหวตประธานสภาตามตลาดคาด จากนี้รอดูเลือกนายกฯ
Market Update
ตลาดหุ้น Dow Jones และสินค้าโภคภัณฑ์เมื่อคืนปิดทำการเนื่องในวันชาติของสหรัฐฯ นอกจากนี้ยังไม่มีรายงานตัวเลขเศรษฐกิจใดๆ
Market Outlook
เมื่อวานที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีมติเอกฉันท์เลือกนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา เป็นประธานสภา พร้อมกับนายปฏิพัทธ์ สันติภาดา เป็นรองประธานสภาคนที่ 1 และนาย พิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน เป็นรองประธานสภาคนที่ 2 นอกจากนี้ที่ประชุมยังได้ระบุว่า ภายในไม่เกิน 2 สัปดาห์จากนี้ก็จะเข้าสู่การเลือกนายกรัฐมนตรี ข้อมูลข้างต้นก็ถือว่า สอดคล้องกับที่เคยมีกระแสข่าวออกมาก่อนหน้า มองปัจจัยข้างต้นเป็นกลางกับหุ้น เชื่อว่าการฟื้นตัวขึ้นมาของดัชนีราว 2.4% จากจุดต่ำสุด ล่าสุดตอบรับกับการเมืองที่ดูคลี่คลายไปแล้ว จากนี้รอติดตามการเลือกนายกรัฐมนตรี ซึ่งเชื่อว่าเมื่อเข้าใกล้วันเลือกนายกรัฐมนตรีตลาดหุ้นจะกลับมาผันผวนอีกครั้ง ส่วนในประเทศเช้านี้ราว 10.30 น. กระทรวงพาณิชย์จะมีกำหนดรายงานเงินเฟ้อไทยประจำเดือน มิ.ย. Bloomberg Consensus ประเมินไว้ว่าจะทรงตัวเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนเทียบกับเดือนก่อนหน้าขยายตัวเล็กน้อย 0.4%MoM ด้านเงินเฟ้อพื้นฐาน (Core CPI) Bloomberg Consensus ประเมินไว้ที่ 1.4%YoY แม้จะเห็นการขยายตัว แต่ขยายตัวลดลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ขยายตัว 1.55%YoY หากเงินเฟ้อรายงานตามที่ตลาดประเมินไว้ก็เท่ากับว่าดอกเบี้ยที่แท้จริงของไทยจะกลับขึ้นมาเป็นบวกราวๆ 2% สูงกว่าสหรัฐฯที่ 1.25% การที่ดอกเบี้ยที่แท้จริงกลับขึ้นมาเป็นบวก สะท้อนว่าธนาคารแห่งประเทศไทยไม่จำเป็นต้องปรับขึ้นดอกเบี้ยให้สูงกว่านี้มากเท่าใดนัก มองหุ้นกลุ่มการเงิน (MTC TIDLOR) ได้ประโยชน์ นอกจากนี้ยังเป็นบวกกับกลุ่มอสังหาฯ (AP LH SPALI) ส่วนธนาคารพาณิชย์ (BBL KBANK KTB SCB) มองเป็นกลางแม้จะไม่ปรับขึ้นดอกเบี้ย แต่ก็เชื่อว่าการลดดอกเบี้ยจะยังไม่เกิดเร็วนี้ ส่วนคืนนี้ไม่มีตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ
วันนี้ประเมิน SET INDEX เคลื่อนไหว ในกรอบ 1510 – 1520 ในเชิงกลยุทธ์การลงทุนนักลงทุนที่ Trading ขึ้นมาจากด้านล่าง แนะนำทำกำไรบางส่วนจากการที่ดัชนีปรับขึ้นมารับกับการคลี่คลายทางการเมืองไปบ้างแล้ว ส่วนหุ้นแนะนำระยะสั้น ได้แก่ Finance (MTC TIDLOR) อสังหา (AP LH SPALI) ค้าปลีก (BJC CRC CPALL HMPRO) โรงไฟฟ้า (BGRIM GPSC GULF) ท่องเที่ยว (AOT CENTEL ERW MINT SPA) ธนาคาร (BBL KBANK KTB SCB)
หุ้นแนะนำซื้อวันนี้
TIDLOR (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 32.00 บาท) คาดว่ากำไรสุทธิปี 2024-25 จะโต 23% YoY ต่อเนื่องจากที่คาดว่าจะโต 9% ในปี 2023 หนุนจากสินเชื่อที่โตต่อเนื่อง อัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้ (CIR) ที่ลดลง และค่าใช้จ่ายสำรองหนี้สูญที่น้อยลง
CPALL (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 72.00 บาท) ค่าไฟฟ้าและต้นทุนการเงินที่สูงขึ้นได้ ปัจจัยบวกสำคัญคือค่าไฟฟ้าที่ลดลง (ค่าไฟฟ้าเดือน พ.ค. – ส.ค. 2023 อยู่ที่ 4.70 บาท/ยูนิต ลด 11% จาก 5.33 บาท/ยูนิต ในช่วง ม.ค. – เม.ย. 2023) ดังนั้นเราจึงคาดว่ากำไรไตรมาส 2/23 จะโต YoY และ QoQ