KS Daily View 05.06.2023 >>> แนวโน้มหลักเป็นบวก การเมืองปลดล็อคด่านแรก SET คาดซื้อขายที่ 1,510/1,525 หุ้นแนะนำวันนี้ PTTEP, SCB

สรุปภาวะตลาดเมื่อวันวานนี้

ต่างประเทศ: ปิดตลาดวันชาติสหรัฐฯ

ในประเทศ: SET Index +8.47 pts. หรือ +0.56% ปิดที่ 1,515.31 จุด ตัวขับเคลื่อนหลักสำคัญคือ DELTA (+0.75%), CPALL (+1.59%), CRC (+3.21%) ตัวฉุด ITC (-8.24%), BDMS (-0.90%), PTTEP (-0.66%)

แนวโน้มตลาดหุ้นในประเทศ: เรามองแนวโน้มหลักยังเป็นบวกหลังดัชนียังปิดยืนเหนือระดับ 1,500 จุดได้ต่อ บรรยากาศการเมืองภายในประเทศดูคลี่คลายหลังปลดล็อคอุปสรรคแรกผ่านคือการโหวตเลือกประธานสภาฯ เชื่อน่าจะยังสามารถยืนเหนือแนวรับสำคัญได้ต่อเนื่องจนกว่าจะถึงกำหนดโหวตเลือกนายกซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นช่วงกลางเดือนนี้ ตลาดสลับกลุ่มเล่นมากขึ้นแต่สังเกตว่าจะเป็นกลุ่มหุ้นขนาดใหญ่จึงทำให้ดัชนีตลาดโดยรวมปรับตัวขึ้น มองหุ้นในกลุ่ม ENERG, ICT, TRAN, PETRO, TOUR ยังเป็นตัวนำตลาด แต่ที่มีสอดแทรกขึ้นมาสองสามวันนี้จะเป็นในส่วนของกลุ่ม COMM และ PROP ตามหุ้นกลุ่ม C (CPALL, CRC, CPN) และ Industrial Estate (WHA, AMATA) ซึ่งอยู่ในกลุ่ม PROP มีการปรับฟื้นตัวกลับมา

ประเด็นสำคัญที่เป็นกระแสในช่วงนี้และมีผลต่อการลงทุน:

1.) ประเด็นการเมืองในประเทศเริ่มคลี่คลายในระยะสั้นหลังโหวตผ่านเลือกประธานสภาฯสำเร็จได้นายวันมูหะมัด นอร์ มะทา เป็นประธานสภาฯ ด่านสำคัญถัดไปคือโหวตเลือกนายกซึ่งคาดว่าจะเป็นช่วงกลางเดือนนี้ ซึ่งคงต้องมาลุ้นกันว่าหัวหน้าพรรคก้าวไกลจะได้รับการโหวตเป็นนายกหรือไม่และใครจะขึ้นมาดำรงตำแหน่งสำคัญทางเศรษฐกิจซึ่งจะกำหนดทิศทางตลาดในระยะถัดไป ขณะที่ด้านคดีหุ้น itv กกต.ได้ขยายเวลาสอบ พิธา เพิ่มอีก 15 วัน ปมรู้อยู่แล้วไม่มีสิทธิแต่ยังฝืนสมัคร ส.ส. พร้อมส่งข้อมูลนโยบายก้าวไกล หาเสียงแก้ไข-เลิก ม.112 ให้ อสส. ดังนั้นด้านนั้น timeline ที่ต้องลุ้นกันอีกทีคงเป็นช่วงกลางถึงปลายเดือนก.ค.นี้

2.) ข่าวประเด็นการเมืองลดความร้อนแรงแต่เรื่องเศรษฐกิจโดยเฉพาะการส่งออกเริ่มกลับมาเป็นประเด็นหลังตัวเลขภาคการผลิตสหรัฐฯที่ออกไปในช่วงข้ามคืนวันจันทร์ต้นสัปดาห์ออกมายังหดยังลงต่อ ล่าสุดกระทรวงพาณิยช์เผย อย.สหรัฐฯปฏิเสธนำเข้าสินค้าเกษตร-อาหารจากไทย 22 รายการ โดยเป็นสินค้ารายการเดิมที่เคยถูกปฏิเสธนำเข้าช่วง ม.ค.-เม.ย. 66 ที่ผ่านมา ห่วงระยะยาวอาจสร้างความเสียหายกับสินค้าอาหารส่งออกไทย รวมทั้งความเชื่อมั่นของผู้นำเข้าและผู้บริโภคในระยะยาว ท่ามกลางอุปสงค์จากต่างประเทศเองก็อ่อนแอแล้วยังมีอุปสรรคทางการค้าที่มากขึ้น ทำให้วานนี้ด้าน กกร. พิจารณาเตรียมจ่อหั่นเป้าส่งออกเหลือ-2 ถึง 0% จากเดิม -1 ถึง 0% ลุ้นตั้งรัฐบาลเร็วกู้เศรษฐกิจ ระบุหากต้องการคงเป้าส่งออกครึ่งปีหลังการส่งออกไทยจะต้องได้เฉลี่ยเดือนละ 24,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งดูแล้วอาการน่าเป็นห่วง

3) กระทรวงมหาดไทย (มท.) ได้ดำเนินการปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการกำกับดูแลโรงแรมที่พักเพิ่มเติม ซึ่งผ่านการอนุมัติหลักการจาก ครม. แล้วเมื่อเดือน มี.ค.2566 ช่วยปลดล็อกให้ “โรงแรมขนาดเล็ก” สามารถขอใบอนุญาตประกอบกิจการโรงแรม เข้าสู่ระบบได้มากยิ่งขึ้น โดยอาคารประเภทอื่น เช่น อพาร์ตเมนต์ ห้องแถว และหอพัก (ไม่รวมคอนโดมิเนียม) ที่อยากเปลี่ยนการใช้อาคารมาเป็นโรงแรม (ขายห้องพักแบบรายวัน) จะต้องเป็น “อาคารเก่า” ที่ก่อสร้างก่อนปี 2559 ส่วนอาคารใหม่ ต้องปฏิบัติตามกฎกระทรวงกำหนดลักษณะอาคารประเภทอื่นที่ใช้ประกอบธุรกิจโรงแรม พ.ศ. 2559 หลังจากมีการปรับปรุงกฎกระทรวงดังกล่าวเพิ่มเติม คาดว่าจะช่วย “ปลดล็อกโรงแรมขนาดเล็กกว่า 50,000 แห่ง” ซึ่งคิดเป็นจำนวนห้องพักรวมกว่า 2 ล้านห้อง สามารถยื่นขอใบอนุญาตได้! เพื่อเข้าสู่ระบบอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ได้มาตรฐานความปลอดภัย ต้อนรับนักท่องเที่ยวหลากหลายกลุ่มหนุนสร้างรายได้ให้กับประเทศ และสร้างงานไม่ต่ำกว่า 5 แสนตำแหน่ง

4) สำนักข่าวต่างประเทศระบุทางการจีนหั่นอัตราดอกเบี้ยเงินฝากในรูปสกุลเงินดอลลาร์ลงจาก 4.3% เหลือ 2.8% หวังสกัดความได้เปรียบของดอลลาร์ พยุงการอ่อนค่าของเงินหยวน อย่างไรก็ดีรัฐบาลจำกัดอัตราดอกเบี้ยดังกล่าวเพียงกับธนาคารหลักของรัฐ 5 แห่ง หรือ “Big Five” โดยตลาดมองอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำลงนี้ อาจกระตุ้นให้ภาคครัวเรือนออมลงในเงินฝากดอลลาร์น้อยลง ซึ่งแต่เดิมเป็นรูปแบบการฝากเงินที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า พร้อมกับกระตุ้นให้บริษัทจีนโดยเฉพาะผู้ส่งออก ชําระค่าใช้จ่ายในสกุลเงินหยวน ด้วย

Theme การลงทุนสัปดาห์นี้

ประเมินตลาดหุ้นไทยแกว่งตัวผันผวนในกรอบ 1,475 – 1,525 จุด โดยปัจจัยการเมืองในประเทศจะเป็นตัวกำหนดทิศทางตลาด ขณะเดียวกันในช่วงกลางและปลายสัปดาห์นักลงทุนต้องติดตามตัวเลขสำคัญในตลาดแรงงานของสหรัฐฯ คือ ตัวเลขตำแหน่งงานเปิดใหม่ ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร และอัตราการว่างงานซึ่งมีความสำคัญในการสะท้อนภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯและการกำหนดนโยบายการเงิน

หุ้นแนะนำวันนี้

Top pick: PTTEP (ราคาพื้นฐาน 160 บาท) ราคาน้ำมัน Brent ปรับตัวขึ้นแรงช่วงข้ามคืนเกือบ 2% หลังตลาดเริ่มย่อยและตอบสนองกับข่าวซาอุดีอาระเบียและรัสเซียประกาศลดการผลิตน้ำมันเพิ่มเติมสำหรับเดือน ส.ค. อีกทั้งราคาน้ำมันมีโอกาสฟื้นตัวต่อในช่วงครึ่งปีหลังจากกำลังการผลิตน้ำมันที่ปรับลดในช่วง 1H23 และการฟื้นตัวของจีนในครึ่งปีหลัง

Top pick: SCB (ราคาพื้นฐาน 129 บาท) เราคาด SCB จะรายงานผลประกอบการแข็งแกร่งขึ้นทั้ง QoQ และ YoY ในไตรมาส 2/2566 ได้ประโยชน์จากแนวโน้มดอกเบี้ยขาขึ้นช่วยขับดัน NIM ให้ดีขึ้น กอปรกับมอง credit cost จะมีเสถียรภาพขึ้นหลังตั้งสำรองไปมากแล้วในไตรมาส 1/2566 และล่าสุดน่าจะได้อานิสงค์เชิงบวกจากข่าวว่าธนาคารได้ดีลปล่อยสินเชื่อสำคัญวงเงินกว่า 2 หมื่นล้านให้กับ AWC

รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ

  • วันพุธ ติดตามตัวเลขเงินเฟ้อไทย CPI ตลาดคาดปรับตัวลดลงเหลือ 0.15% YoY (เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 0.53% YoY) ขณะที่ core CPI คาดอยู่ที่ 1.4% YoY (เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 1.55% YoY) ต่อด้วยช่วงบ่ายมีตัวเลขภาคการบริการยุโรป Service PMI ตลาดคาดทรงตัวเมือเทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 52.4 และช่วงข้ามคืนมีกำหนดประชุมของกลุ่ม OPEC และ Fed มีกำหนดเผยแพร่เอกสารบันทึกการประชุม FOMC ล่าสุด ตลาดให้ความสนใจเนื่องจากจะสะท้อนถึงโทนการพูดคุยและทิศทางการกำหนดนโยบายการเงินของ Fed ในระยะถัดไป
  • วันพฤหัสบดี ติดตามตัวเลขภาคบริการสหรัฐฯ US ISM service ตลาดคาดที่ 51.3 (เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 50.3) และตัวเลขตลาดแรงงานสหรัฐฯ ADP employment change ตลาดคาดที่ 236k (เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 278k) และ ตัวเลขงานที่กำลังประกาศหารับคน Jolts job opening ตลาดคาดที่ 9.94m (เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 10.1m)
  • วันศุกร์ ติดตามตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรของสหรัฐฯ (non-farm payrolls) ตลาดคาดที่ 222k (เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 339k) ต่อด้วยตัวเลขอัตราการว่างงานสหรัฐฯตลาดคาดที่ 3.6% (เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 3.7%) และตัวเลขค่าจ้างแรงงาน Average hourly earnings ตลาดคาดที่ +0.3% MoM (เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ +0.3% MoM)
- Advertisement -