เงินเฟ้อไทยปรับลงต่อเนื่อง เป็นบวกกับตลาดหุ้น

Market Update 

ตลาดหุ้น Dow Jones เมื่อคืนปิดลบ 0.38% หลังจากรายงานผลประชุม FED ส่งสัญญาณปรับขึ้น ด้านราคาน้ำมันดิบ BRT ปรับเพิ่มขึ้น 2.7% หลังจากซาอุประกาศลดกำลังการผลิตน้ำมัน 1 ล้านบาร์เรล / วัน พร้อมกับรัสเซียอีก 5 แสนบาร์เรล / วัน 

Market Outlook 

เมื่อวานที่ผ่านมากระทรวงพาณิชย์รายงานเงินเฟ้อไทยประจำเดือน มิ.ย. ขยายตัว 0.23%YoY 0.6%MoM สูงกว่า Bloomberg คาดเล็กน้อย (Bloomberg ประเมิน ทรงตัว) โดยมีปัจจัยหลักจากการชะลอตัวของราคาสินค้ากลุ่มอาหารสด และการลดลงของราคาน้ำมันเชื้อเพลิง (-16%YoY) นับเป็นการหดตัวที่ต่ำสุดรอบ 35 เดือน ทั้งนี้หากเทียบกับเดือนก่อนหน้าขยายตัว 0.6%MoM สาเหตุหลักจากการสูงขึ้นของหมวดอื่นๆ ที่มิใช่อาหารและเครื่องดื่ม จากการสิ้นสุดมาตรการให้ส่วนลดค่าไฟฟ้าที่ 150 บาท / ครัวเรือน สําหรับผู้ใช้ที่ไม่เกิน 500 หน่วย ในขณะที่หมวดอาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ -0.02%YoY เนื่องจากราคาผักสดและราคาสุกรปรับลง จากปริมาณผลิตที่เข้าสู่ตลาดมากขึ้น มองหุ้นกลุ่มร้านอาหารได้ประโยชน์จากต้นทุนในการประกอบกิจการที่ปรับลดลง (CENTEL M MINT) สำหรับดอกเบี้ยที่แท้จริง ของไทยล่าสุดปรับขึ้นมาทดสอบ 1.77% ทั้งนี้ด้วยดอกเบี้ยที่สูงกว่าเงินเฟ้อจะเป็นปัจจัยหนุนให้ธนาคารแห่งประเทศไทยมีจำเป็นต้องปรับขึ้นดอกเบี้ยมากกว่าระดับปัจจุบันเท่าใดนัก หากเป็นเช่นนั้นก็มองว่าจะเป็นบวกกับหุ้นในกลุ่มการเงิน (MTC TIDLOR) และกลุ่มปันผลสูง (ADVANC INTUCH TISCO) 

สำหรับผลประชุม OPEC+ ซาอุดิอาระเบียประกาศลดกำลังการผลิตอีก 1 ล้านบาร์เรลต่อวันจนถึง เดือน ส.ค. ขณะเดียวกันรัสเซียและแอลจีเรียก็เตรียมลดกำลังการผลิตที่ 5 แสนบาร์เรล / วัน และ 2 หมื่นบาร์เรล /วัน ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบ BRT เมื่อคืนที่ผ่านมาปรับตัวขึ้น 2.7% ระยะสั้นเป็นบวกต่อ PTTEP ด้านผลประชุม FED Minute ถ้อยแถลงยังระบุถึงการปรับขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่อง แต่จะเป็นการปรับขึ้นในอัตราชะลอตัว โดย CME FED Watch ล่าสุดให้น้ำหนักราว 88.7% ที่ FED จะปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.25% สำหรับการประชุมสิ้นเดือน 7 คืนนี้ติดตามการจ้างงานภาคเอกชนจากสถาบัน ADP Bloomberg ประเมินไว้ที่ 2.26 แสนตำแหน่ง หากต่ำกว่าตลาดประเมิน จะเป็นบวกจากการผ่อนคลายเงินเฟ้อและดอกเบี้ย 

วันนี้ประเมิน SET อ่อนตัวลงใน กรอบ 1490 – 1507 ภาพรวมบรรยากาศเป็นลบจากการปรับฐานลงของตลาดหุ้นญี่ปุ่นและสหรัฐฯ  เชิงกลยุทธ์การลงทุนยังเน้นเพียงแค่ Trading และเลือกหุ้นมีปัจจัยบวก อาทิ น้ำมัน (PTTEP) โรงกลั่น (BCP SPRC TOP) Finance (MTC TIDLOR) ค้าปลีก (BJC CRC CPALL HMPRO) ธนาคารพาณิชย์ (BBL KBANK KTB SCB) ท่องเที่ยว (AOT CENTEL ERW MINT) 

หุ้นแนะนําซื้อวันนี้ 

PTTEP (ถือ / ราคาเป้าหมาย 162.00 บาท) คาดกำไรสุทธิไตรมาส 2/23 ที่ 2.02 หมื่นล้านบาท (-2.0% YoY, +4.7% QoQ) แม้ปริมาณขาย และราคาขายเฉลี่ยจะอ่อนแอ แต่กำไรสุทธิจะได้แรงหนุนจากภาษีจ่ายที่ลดลง และกำไรพิเศษ US$40.0 ล้านจากรการป้องกันความเสี่ยงและอัตราแลกเปลี่ยน (FX) เราปรับมามองบวกต่อ ภาพรวมในครึ่งหลังปี 2023 เพราะการที่ OPEC+ ลดการผลิตลงอาจดันราคาน้ำมันดิบขึ้นเหนือ US$80/บาร์เรล  

BBL (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 190.00 บาท) เลือก BBL เป็นหุ้นเด่น เพราะชอบที่ธนาคารมี 1) งบดุลแข็งแกร่ง ด้วยอัตราส่วนการตั้งสํารอง หนี้ฯ ระดับสูงและมีเงินทุนขั้นที่ 1 ที่แข็งแกร่ง 2) แนวโน้มการเติบโตของกำไรสุทธิแข็งแกร่ง 3) การขยายตัวของอัตราส่วนต่างดอกเบี้ย (NIM) จากดอกเบี้ยขาขึ้น

- Advertisement -