ปัจจัยสำคัญสัปดาห์นี้ ได้แก่การเลือกนายกฯ ในวันพฤหัสบดี

Market Update

ตลาดหุ้น Dow Jones คืนวันศุกร์ปิดลบ 0.5% การเคลื่อนไหวเป็นไปอย่างผันผวน หลังจากรายงานการจ้างงานต่ำกว่าตลาดคาดการณ์ ด้านราคาน้ำมันดิบ BRT ปิดบวก 2.9% คลายกังวลภาวะดอกเบี้ยหลังจากรายงานจ้างงานต่ำตลาดคาด

Market Outlook

คืนวันศุกร์ สหรัฐฯ รายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตรที่ 2.09 แสนตำแหน่ง ต่ำกว่าตลาดคาดที่ 2.24 แสนตำแหน่ง และลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่ 3.06 แสนตำแหน่ง ด้านอัตราการว่างงานตามตลาดคาดที่ 3.6% ขณะที่ค่าจ้างเฉลี่ยรายชั่วโมงขยายตัว 0.4%MoM สูงกว่าตลาดคาดที่ 0.3%MoM ภายหลังจากทราบข้อมูลข้างต้นพบว่า US Bond Yield 2 ปีเริ่มชะลอตัวลง แต่ CME FED Watch ยังให้น้ำหนักระดับสูงราว 93% ที่ FED จะปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.25% ในการประชุมสิ้นเดือน 7 โดยสัปดาห์นี้ รอติดตามเงินเฟ้อสหรัฐฯ (CPI) ที่มีกำหนดรายงานในคืนวันพุธราว 19.30 น. Bloomberg ประเมินไว้ที่ 3.1%YoY หากรายงานแล้วต่ำกว่าตลาดคาดจะเป็นปัจจัย บวกให้กับตลาดหุ้นสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม สำหรับตลาดหุ้นไทยนักลงทุนจะให้น้ำหนักกับปัจจัยด้านการเมือง โดยเฉพาะการเลือกนายกรัฐมนตรีในวันพฤหัสบดี ข้อมูลล่าสุดพบว่าแกนนำจัดตั้งรัฐบาลมีเสียง ส.ส. รวมกันทั้งหมด 310 เสียง ซึ่งยังขาดอีกกว่า 65 เสียงในวันดังกล่าว จึงต้องรอติดตามว่าจะได้เสียงสนับสนุนจาก ส.ว. ทั้งนี้เราเชื่อว่าหากโหวดนายกฯ ผ่านไปได้โดยดี ตลาดหุ้นมีโอกาสตอบรับเชิงบวกจากความชัดเจนทางการเมือง แต่หากโหวดไม่ผ่าน ตลาดหุ้นมีโอกาสปรับฐานแต่เชื่อว่าจะไม่รุนแรง เพราะคาดว่าตลาดรับรู้ไปในราคาระดับนึงแล้วว่าการโหวดรอบแรกจะยังมีสามารถผ่านไปได้ แต่อย่างไรก็ตามท้ายที่สุดเราเชื่อว่าการโหวดนายกรัฐมนตรีจะผ่านไปได้ในที่สุด  หากตลาดปรับฐานลงมาจากความกังวลรอบแรกกลับมองเป็นโอกาสสะสมมากกว่า นอกจากนี้ปัจจัยต่างประเทศก็เชื่อว่าแรงกดดันจะค่อยๆ คลายตัวลง จากการที่ตลาด Price In ประเด็นดอกเบี้ยไปมากแล้ว

สำหรับประเด็นอื่นๆใน สัปดาห์หน้า ได้แก่ (1) ดัชนี PPI ของสหรัฐฯในคืนวันพฤหัสบดี Bloomberg ประเมินไว้ที่ 0.2%MoM (2) ความเชื่อมั่นผู้บริโภคในสหรัฐฯ จาก U of Michigan ตลาดคาดไว้ที่ 65.5 โดยสัปดาห์นี้ประเมิน SET เคลื่อนไหวในกรอบ 1460 – 1520 เชิงกลยุทธ์ หากปรับฐานจากการเมืองมองเป็นโอกาสเพราะเชื่อว่าสุดท้ายรัฐบาลจะจัดตั้งได้ ส่วนหุ้นแนะนำระยะสั้น ได้แก่ ค้าปลีก (BJC CRC CPALL HMPRO) ท่องเที่ยว (AOT CENTEL ERW MINT SPA) ธนาคารพาณิชย์ (BBL KBANK KTB SCB) ศูนย์การค้า (CPN) ขนส่ง (BEM) โรงภาพยนตร์ (MAJOR) Finance (MTC TIDLOR) กลุ่มน้ำมัน (PTTEP)

หุ้นแนะนำชื้อวันนี้

PTTEP (ถือ / ราคาเป้าหมาย 162.00 บาท) คาดกําไรสุทธิไตรมาส 2/23 ที่ 2.02 หมื่นล้านบาท (-2.0% YoY, +4.7% QoQ) แม้ปริมาณขาย และราคาขายเฉลี่ยจะอ่อนแอ แต่กำไรสุทธิจะได้แรงหนุนจากภาษีจ่ายที่ลดลงและกำไรพิเศษ US$40.0 ล้านจากรการป้องกันความเสี่ยงและอัตราแลกเปลี่ยน (FX) เราปรับมามองบวกต่อภาพรวมในครึ่งหลังปี 2023 เพราะการที่ OPEC+ ลดการผลิตลงอาจดันราคาน้ำมันดิบขึ้นเหนือ US$80/บาร์เรล ปริมาณขายก็จะฟื้นตัวขึ้น

CPAXT (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 49.00 บาท) ราคาหุ้น CPAXT ลดลง 18% ตั้งแต่ต้นเดือน มิ.ย. 2023 เพราะตัวเลขการเติบโตของยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ของ Makro ที่ลดเหลือ 4% YoY ในเดือน มิ.ย. 2023 จาก 7.5% ในเดือน พ.ค. 2023 แต่เราเชื่อว่ากำไรจะฟื้นแข็งแกร่ง HOH ในครึ่งหลังปี 2023 หนุนจากยอดขายที่ดีด ตัวขึ้นในย่านท่องเที่ยว ยอดขายออนไลน์ ออฟไลน์ (O2O) ที่โตดี

- Advertisement -