บล.กรุงศรีฯ:

INVESTMENT STRATEGY – ตลาดไทยกำลังเผชิญพายุใหญ่สองลูก

ตลาดหุ้นไทยกำลังเผชิญพายุใหญ่สองลูกติด ๆ กัน จากทั้งปัจจัยภายในและภายนอก ในขณะที่ยังมีอีกหลายขั้นตอนกว่าจะเห็นความชัดเจนทางการเมืองในประเทศ แนวโน้มนโยบายการเงินในต่างประเทศดูไม่เอื้ออำนวยต่อสินทรัพย์เสี่ยง ซึ่งเมื่อพิจารณาจากพัฒนาการล่าสุดดัชนี SET น่าจะแกว่งตัวอยู่ในช่วง 1470-1570 จุด โดยมีโอกาสน้อยมากที่จะทะลุระดับ 1600 ขึ้นไปได้ใน 3Q สำหรับหุ้นที่เราเลือก เรายังคงเกาะอยู่กับ (i) หุ้น defensive (ii) หุ้นที่มีแนวโน้มกำไรชัดเจน และ (iii) หุ้นเทคโนโลยีตามธีมของทั้งโลก ทั้งนี้ หุ้นที่เราเลือก (3Q) ได้แก่ ADVANC, TRUE, BBIK, BE8 และ SAPPE

ประเด็นสำคัญที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิดในสัปดาห์นี้

ในสัปดาห์นี้ มีตัวเลขเศรษฐกิจทั่วโลกหลายตัวที่จะส่งผลกับตลาด และตัวสำคัญที่น่าสนใจคือเงินเฟ้อของสหรัฐ ซึ่งจะเป็นข้อมูลชุดสุดท้ายก่อนที่ Fed จะตัดสินนโยบายการเงินในการประชุมเดือนกรกฎาคม ถึงแม้ว่าตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรที่ประกาศเมื่อสัปดาห์ที่แล้วจะแผ่วลง แต่ตลาดงานโดยรวมยังคงแข็งแกร่งเกินกว่าที่จะวางใจได้ ในขณะที่ภาคบริการ (ISM ภาคบริการ) ดีดตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งจากทั้งในส่วนของกิจกรรม และการจ้างงาน นอกจากนี้ นักลงทุนยังคาดว่าทั้งอัตราเงินเฟ้อทั่วไป และอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานจะลดลงเล็กน้อยมาอยู่ที่ 3.1% yoy (จาก 4%) และ 5% (จาก 5.3%) ตามลำดับ ซึ่งหากตัวเลขจริงออกมาสูงกว่านี้จะเป็นการปิดโอกาสที่ Fed จะหยุดขึ้นดอกเบี้ยในรอบนี้ อย่างไรก็ตาม เราเน้นให้ความสำคัญกับราคาของ (i) บริการ (ii) ที่พัก และ (iii) รถมือสอง

 

การลงมติเลือกนายกของไทยจะแสดงสัญญาณของแนวโน้มทางการเมือง

ในส่วนของปัจจัยภายในประเทศ การลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ (13 กรกฎาคม) ถือเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุด  ซึ่ง ณ จุดนี้ เรามองว่าผลการลงมติมีแนวทางที่เป็นไปได้ประมาณ 2-3 แนวทาง นอกจากนี้ กระบวนการเลือกนายกอาจจะยืดออกไปอีกถ้าหากพรรคก้าวไกลได้รับเสียงสนับสนุนไม่มากพอ ซึ่งหมายความว่าจะเกิดภาวะความไม่ชัดเจนทางการเมืองไทยในช่วงต่อไป และไม่เอื้ออำนวยต่อการลงทุน ทั้งนี้ จากแบบจำลองด้านการเมืองไทยของเรา ปัจจัยนี้เพียงปัจจัยเดียวอาจจะทำให้ดัชนี SET ร่วงลงไปได้ถึงประมาณ 90 จุด จากระดับอ้างอิงของเราที่ 1570 จุด (ดูรายละเอียดเพิ่มเติมในส่วนถัดไป)

 

ภาวะด้านเศรษฐกิจ และการเมืองชี้ว่าตลาดหุ้นน่าจะแกว่งตัวอยู่ในช่วงแคบ

เมื่อพิจารณาปัจจัยต่าง ๆ ประกอบกันแล้ว เราคิดว่าตลาดหุ้นไทยน่าจะยังคงถูกกดดันในช่วงต่อไป เพราะแม้ว่าเศรษฐกิจไทยจะยังประคองตัวได้ดี แต่แรงกดดันที่เพิ่มขึ้นจากภาวะการเงินโลก (มีการดำเนินนโยบายการเงินตึงตัวมากขึ้น และ yield curve ขยับขึ้น) จะเพิ่มแรงกดดันต่อเศรษฐกิจไทย ในขณะที่มีความเป็นไปได้สูงที่การค้าระหว่างประเทศจะมีแนวโน้มลดลง เพราะการฟื้นตัวของจีนแผ่วลงฉุดให้อัตราการขยายตัวของการส่งออกไทยลดลงอีก ซึ่งเราเชื่อว่าการส่งออกจะอ่อนแอจนถึงจุดที่ส่งผลกระทบด้านลบกับตัวแปรทางเศรษฐกิจอื่น ๆ (การบริโภค และการลงทุน) ซึ่งหมายความว่าไทยจำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนจากนโยบายด้านการคลังในเร็ว ๆ นี้ แต่จะยังไม่เกิดขึ้นจนกว่าจะสามารถก้าวข้ามอุปสรรคทางการเมืองไปได้ก่อน

- Advertisement -