KS Daily View 11.07.2023 >>> ตลาดแกว่งรอผลโหวตนายก และผลประชุม กกต. ประเมินกรอบ SET 1,480/1,490-1,500 หุ้นแนะนำวันนี้ SCBP
สรุปภาวะตลาดเมื่อวานนี้
ต่างประเทศ : ดัชนี DJIA +0.62%, S&P 500 +0.24%, NASDAQ +0.18% โดย Sector ที่ outperform ใน S&P500 ได้แก่ Industrial (+1.39%), Health care (+0.81%), Energy (+0.76%) ส่วน Communication (-0.92%), Information technology (-0.02%), Material (-0.01%)
ในประเทศ: SET Index +6.38 pts. หรือ 0.43% ปิดที่ 1,496.89 จุด ตัวขับเคลื่อนหลักสำคัญคือ BDMS (+3.74%), DELTA (+1.27%), PTTEP (+1.33%) ตัวฉุด AOT (-1.05%), BJC (-1.45%), BANPU (-2.23%)
แนวโน้มตลาดหุ้นในประเทศ:
แม้กกต.ยังไม่มีมติส่งเรื่องพิธาให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาเมื่อวานนี้ แต่ยังรอถกเพิ่มต่อตามกำหนดในสัปดาห์นี้ดังนั้นเรื่องการเมืองยังคงเป็นประเด็นหลักที่ต้องติดตาม มองตลาดแกว่งตัวไซด์เวย์ต่อรอลุ้นทั้งมติที่ประชุมกกต.และผลโหวตเลือกนายกวันที่ 13 นี้ คาดดัชนีแกว่งตัวในกรอบการซื้อขายวันนี้ที่ 1,480/1,490-1,500 จุด
ประเด็นสำคัญที่เป็นกระแสในช่วงนี้และมีผลต่อการลงทุน:
1.) เย็นวานนี้ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้งเผยว่าในการประชุม กกต.ยังไม่ได้มีการลงมติ เรื่องนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ถือครองหุ้น บริษัท ไอทีวี จำกัด(มหาชน) เข้าข่ายลักษณะต้องห้าม ไม่ให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 98(3) และเป็นเหตุให้สมาชิกภาพ ส.ส.สิ้นสุดลง เพื่อส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย เพียงแต่เป็นการติดตามความคืบหน้าของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเท่านั้น โดยคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงจะนัดถกต่อวันที่ 11 ก.ค.นี้เวลา 10.00 น.และวันที่ 13 ก.ค.ในเวลา 9.00 น.
2.) จีนประกาศตัวเลขดัชนีเงินเฟ้อผู้บริโภค (CPI) และดัชนีเงินเฟ้อฝั่งผู้ผลิต (PPI) ปรับตัวลดลงแรงสร้างความกังวลในตลาดว่าจีนอาจกำลังเกิดภาวะเงินฝืด โดยตัวเลขดัชนีเงินเฟ้อผู้บริโภค (CPI) ของจีนสำหรับเดือน มิ.ย. ออกมาที่ +0.0% YoY ลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่ +0.2% YoY และต่ำกว่าที่ตลาดคาดที่ +0.2% YoY ขณะที่ด้านดัชนีเงินเฟ้อฝั่งผู้ผลิต (PPI) ตัวเลขออกมาที่ -5.4% YoY ต่ำกว่าเดือนที่แล้วที่ -4.6% YoY และต่ำกว่าที่ตลาดประเมินไว้ที่ -5.0% YoY กระตุ้นให้นักลงทุนในตลาดคาดหวังว่าทางการจีนจะต้องรีบออกมาตรการเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและสกัดกั้นภาวะเงินฝืด
3.) นายคีรี กาญจนพาสน์ เปิดเผยศาลปกครองกลางนัดพิจารณาคดีครั้งแรกวันนี้ กรณี บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BTSC) ยื่นฟ้องคณะกรรมการคัดเลือกฯโครงการ รถไฟฟ้าสายสีส้ม ออกประกาศเชิญชวนการร่วมลงทุนโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์ – มีนบุรี (สุวินทวงศ์) ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงคุณสมบัติ และหลักเกณฑ์คัดเลือกเอกชนให้แตกต่างจากหลักเกณฑ์เดิม โดยมองล้มประมูลใหม่เป็นทางออกที่ควรจะทำและหวังรัฐบาลใหม่สางปมหนี้สายสีเขียว
4.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่ตรวจสอบความพร้อมก่อนทดสอบการเดินรถไฟฟ้าเสมือนจริง (Trial Run) โครงการรถไฟฟ้ามหานคร สายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรี เมื่อวานนี้ปัจจุบันงานโยธาคืบหน้าไปแล้วกว่า 97% เบื้องต้นจึงคาดว่าจะสามารถเปิดทดสอบการเดินรถไฟฟ้าเสมือนจริง (Trial Run) ภายในเดือน ส.ค.-ก.ย.นี้ หลังจากนั้นจะเปิดให้ประชาชนร่วมทดลองใช้บริการฟรี ระหว่างเดือน ก.ย.-ต.ค.2566 ก่อนจะเปิดให้บริการเชิงพาณิชย์ จัดเก็บ ค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีชมพู่ ในเดือน พ.ย.2566 ซึ่งภาพรวมของโครงการจึงถือว่าเร็วกว่าแผนกำหนดไว้อาจสร้าง sentiment เชิงบวกให้กับกลุ่ม TRANS
5.) เกิดอุบัติเหตุคานโครงการก่อสร้างทางยกระดับถนนอ่อนนุช-ลาดกระบังถล่ม เบื้องต้นพบ Launcher ร้อยติดตั้งชิ้นส่วนคอนกรีต เซกเมนต์พลิกตัว ทำให้พื้นทางถล่มลงมา ตามสัญญาว่าจ้างนั้นจะสิ้นสุดสัญญาในวันที่ 11 ส.ค. 2566 นี้ โดยใช้งบประมาณก่อสร้าง 1,664 ล้านบาท จากอุบัติเหตุดังกล่าวทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในสังคมถึงความปลอดภัยและกระบวนการสรรหา งบประมาณที่ใช้และการก่อสร้างของผู้รับเหมา ทำให้อาจนำไปสู่มาตรการดูแลควบคุมที่เข้มงวดขึ้นสร้าง sentiment เชิงบวกให้กับกลุ่ม CONS
6.) อธิบดีกรมสรรพสามิต ย้ำไม่ต่ออายุภาษีสรรพสามิตน้ำมันเดีเซลที่เก็บลดลง 5 บาทต่อลิตร และจะหมดอายุ 20 ก.ค.นี้ มั่นใจกองทุนน้ำมันฯ เข้ามาช่วยดูแลต่อได้ มองเป็น sentiment ลบเล็กน้อยกับกลุ่ม Retail Oil
Theme การลงทุนสัปดาห์นี้
ประเมินตลาดหุ้นไทยแกว่งตัวผันผวนในกรอบ 1,460 – 1,500 จุด โดยปัจจัยการเมืองในประเทศจะเป็นตัวกำหนดทิศทางตลาดในสัปดาห์หน้า Key highlight จะอยู่ที่วันพฤหัสฯที่ 13 ก.ค. ที่จะมีการเลือกนายกรัฐมนตรี ขณะเดียวกันในช่วงกลางสัปดาห์นักลงทุนต้องติดตามตัวเลขสำคัญคือ ตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ เดือน มิ.ย. และนอกจากนี้ให้จับตาราคาหุ้น DELTA ที่จะกลับเข้ามาซื้อขายปกติในวันที่ 11 ก.ค. หลังเข้าข่ายมาตรการกำกับการซื้อขายระดับ 1 โดย ตลท. ระหว่าง 20 มิ.ย.-10 ก.ค.
หุ้นแนะนำวันนี้ Top pick:
SCB (ราคาพื้นฐาน 129 บาท) มอง SCB เป็นกลุ่มธนาคารหลักที่ได้รับผลประโยชน์ในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย อีกทั้งเราประเมิน SCB จะมีกำไรสูงขึ้นดีได้ทั้ง QoQ และ YoY จาก NIM ที่ดีขึ้นและ credit cost ที่มีเสถียรภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังตั้งสำรองค่อนข้างสูงไปแล้วตั้งแต่ช่วงต้นปีไตรมาส 1/2566
รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ
- วันอังคาร ติดตามตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจของเยอรมัน German Zew Economic Sentiment ตลาดคาดปรับตัวลดลงต่อเป็น -10.7 (เทียบเดือนก่อนหน้า -8.5) หากเป็นไปตามที่ตลาดคาดจะเป็นการปรับตัวติดลบติดต่อกัน 3 เดือนแล้วและเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 7 เดือน
- วันพุธ ติดตามตัวเลขเงินเฟ้ออังกฤษตลาดคิดปรับตัวลดลงเป็น 5.0% YoY (เทียบเดือนก่อนหน้า 5.3% YoY) การปรับตัวลดลงของเงินเฟ้ออังกฤษคาดว่ายังคงทำได้ค่อนข้างช้าเมื่อเทียบกับประเทศเศรษฐกิจหลักอื่นๆและในภูมิภาคยุโรป ต่อด้วยประกาศตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ CPI ช่วงข้ามคืนตลาดคาดปรับลดลงสู่ระดับ 3.1% YoY (เทียบเดือนก่อนหน้า 4.0% YoY) เงินเฟ้อสหรัฐฯยังเดินหน้าปรับตัวลดลงต่อเนื่องและหากเป็นไปตามที่ตลาดคาดจะเป็นการปรับตัวติดลบติดต่อกัน 12 เดือนและเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ มี.ค. 2021
- วันพฤหัสฯ ติดตามการโหวตเลือกนายกไทยคาดพรรคอันดับ 1 ก้าวไกลเสนอหัวหน้าพรรค นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายก ตลาดรอลุ้นว่าจะสามารถโหวตผ่านลุล่วงได้หรือไม่ หากโหวตไม่ผ่านคาดว่าจะต้องไปโหวตอีกรอบวันที่ 19 ก.ค. ต่อด้วยตัวเลขผู้รับสวัสดิการว่างงานสหรัฐฯ US jobless claims ตลาดคาดที่ 251k (เทียบเดือนก่อนหน้า 248k) ตัวเลขผู้รับสวัสดิการว่างงานแม้คาดว่าปรับตัวขึ้นเล็กน้อยแต่ยังถือว่าอยู่ในระดับต่ำมากที่ราว 200-300k
- วันศุกร์ ติดตามตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นาผู้บริโภคสหรัฐฯ Prelim UOM consumer sentiment ตลาดคาดปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อยที่ระดับ 65.5 (เทียบเดือนก่อนหน้า 64.4)