บล.บัวหลวง:
JASIF – TTTBB เสนอยกเลิกสัญญาประกันรายได้และลดค่าเช่าสัญญาเช่าหลัก
What’s new?
วันที่ 10 ก.ค. ที่ผ่านมา JAS ในฐานะผู้ถือหน่วยลงทุน 19% ใน JASIF ได้แจ้งต่อ BBLAM (บริษัทจัดการของ JASIF) ว่าเนื่องจาก TTTBB ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ JAS และเป็นผู้เช่าทรัพย์สินจาก JASIF ได้ประสบปัญหาสภาพคล่องจากสภาพเศรษฐกิจที่ตกต่ำและการแข่งขันที่รุนแรงในธุรกิจบรอดแบนด์อินเตอร์เน็ตที่ต่อเนื่องหลายปีจนถึงปัจจุบัน โดยตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. 2023 เป็นต้นไป TTTBB (1) จะชำระเฉพาะค่าเช่ารายเดือนของสัญญาเช่าหลักเท่านั้น (มูลค่า 654 ล้านบาท/เดือน) และ (2) จะหยุดชำระค่าเช่ารายเดือนของสัญญาประกันรายได้ค่าเช่า (มูลค่า 289 ล้านบาท/เดือน) นอกจากนี้ JAS ได้ขอให้ BBLAM ดำเนินการเรียกประชุมผู้ถือหน่วยลงทุน JASIF ภายใน 45 วันเพื่อพิจารณาเรื่องดังต่อไปนี้
1) พิจารณายกเลิกสัญญาประกันรายได้ค่าเช่าทั้งหมด รวมถึงสัญญาให้บริการจัดการผู้เช่าทรัพย์สิน โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ประชุมผู้ถือหน่วย JASIF มีมติอนุมัติเป็นต้นไป
2) พิจารณาแก้ไขสัญญาเช่าหลัก โดยขยายอายุสัญญาเช่าหลักจากเดิมสิ้นสุดวันที่ 29 ม.ค. 2032 ไปเป็นวันที่ 31 ธ.ค. 2038 (ขยายออกไปอีก 6 ปี 11 เดือน) และกำหนดค่าเช่าใหม่ตั้งแต่วันที่ 30 ม.ค.-31 ธ.ค. 2032 เท่ากับ 402.37 บาท/คอร์กม./เดือน และอัตราค่าเช่าข้างต้นปรับเพิ่มตามอัตราเงินเฟ้อในวันที่ 1 ม.ค. ของทุกปี (ไม่เกิน 3% แต่ไม่ต่ำกว่า 0%) สำหรับเงื่อนไขเดิมของการต่ออายุสัญญาเช่าหลักออกไปอีก 10 ปีหลังวันที่ 29 ม.ค. 2032 หากรายได้บริการอินเตอร์เน็ตบรอดแบนด์ของ TTTBB เกิน 4 หมื่นล้านบาทในปี 2030 จะยังคงอยู่เหมือนเดิม
3) พิจารณาผ่อนผันการผิดนัดชำระค่าเช่าของ TTTBB สำหรับสัญญาประกันรายได้ค่าเช่าตั้งแต่งวดเดือนก.ค. 2023 จนถึงวันที่ที่ประชุมผู้ถือหน่วย JASIF มีมติพิจารณาเรื่องข้างต้น โดย JASIF จะไม่คิดดอกเบี้ยผิดนัดและเรียกร้องค่าเสียหายใดๆ จากผู้เช่า โดยค่าเช่าที่ค้างชำระจะแบ่งชำระเป็น 6 งวดๆ ละเท่าๆ กัน โดยจะเริ่มชำระตั้งแต่เดือนม.ค.-มิ.ย. 2024
View From Fundamental:
เรามองว่าข่าวข้างต้นเป็นลบต่อ JASIF อย่างแน่นอนในแง่ของค่าเช่า รายได้ กำไรและเงินปันผลของ JASIF ที่จะต้องลดลงในระยะยาว ภายใต้สมมติฐานว่าผู้ถือหน่วย JASIF อนุมัติในเงื่อนไขที่ 1 (การยกเลิกสัญญาประกันรายได้ค่าเช่าทั้งหมด) และเงื่อนไขที่ 2 (การลดค่าเช่าของสัญญาหลักและต่ออายุสัญญาเช่าหลักออกไปอีก 6 ปี 11 เดือน) ซึ่งจะต้องใช้คะแนนเสียงสามในสี่ของจำนวนเสียงโหวตของผู้ที่มาเข้าร่วมประชุม (ที่ไม่นับรวมคะแนนเสียงโหวต JAS ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ 19%) สำหรับประเด็นที่ TTTBB ขอลดค่าเช่าสัญญาเช่าหลักและขอยกเลิกสัญญาประกันรายได้ถือว่าอยู่ในการคาดการณ์ของเราและตลาดก่อนหน้าแล้ว เนื่องจากสภาพคล่องของ TTTBB ที่ย่ำแย่ และเป้าหมายที่ต้องการให้ TTTBB กลับไปมีกำไรภายในปีนี้ ซึ่งลำดับแรกคือ การขอลดค่าเช่ากับ JASIF และการเร่งสร้าง synergy ให้เร็วที่สุดหลังจากที่ ADVANC เข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ใน TTTBB
สมมติฐาน ณ ปัจจุบันของเราได้แก่ (1) สัญญาเช่าหลัก 1.34 ล้านคอร์กม. สิ้นสุดปี 2041 และอัตราค่าเช่าหลังจากวันที่ 29 ม.ค. 2032 ปรับลดลง 27.5% จากปี 2031 เหลือ 347.8 บาท/คอร์กม./เดือน และค่าเช่าปรับเพิ่มขึ้นตามอัตราเงินเฟ้อที่ 0.5% ต่อปีตั้งแต่ปี 2033-41 (2) สัญญารับประกันรายได้ค่าเช่าสัญญาแรก 0.196 ล้านคอร์กม. ซึ่งสิ้นสุดวันที่ 22 ก.พ. 2026 และสัญญารับประกันรายได้ค่าเช่าสัญญาที่สอง 0.14 ล้านคอร์กม. ซึ่งสิ้นสุดวันที่ 29 ม.ค. 2032 (เช่นเดียวกับสัญญาหลัก) จะถูกต่ออายุออกไปเรื่อยๆ จนสิ้นสุดปี 2041 และ (3) การไม่มีมูลค่าสุดท้าย (terminal value) หลังจากปี 2041 เราได้ทำการวิเคราะห์ผลกระทบอย่างคร่าวๆ ของการปรับแก้ไปเป็นเงื่อนไขข้างต้นต่อ JASIF ภายใต้สมมติฐานว่าการยกเลิกสัญญารับประกันรายได้ค่าเช่ามีผลเลยทันทีตั้งแต่เดือนต.ค. 2023 เป็นต้นไป จะส่งผลกระทบต่อกำไรและเงินปันผลของ JASIF ให้ลดลง 9% ในปี 2023 ลดลง 21-35% ในช่วงปี 2024-2032 และลดลง 8% ในช่วงปี 2033-38 และส่งผลให้มูลค่า DCF ปรับลดลงอีก 28% (จาก 8.38 บาทเหลือ 6 บาท) โดยเงินปันผลต่อหน่วยตั้งแต่ปี 2024-38 มีแนวโน้มลดลงเหลือ 0.6-0.7 บาท/หน่วย ถึงแม้ว่าแนวโน้มของการปรับลดกำไรและเงินปันผลจะลดลงจากเดิมเนื่องจากเงื่อนไขใหม่ข้างต้น แต่เรายังคำแนะนำ “ถือ” เนื่องจาก dividend yield ภายใต้เงื่อนไขใหม่ข้างต้นที่ยังคงสูง 8.5-10% ในช่วงปี 2024-38