Daily Focus: Earnings Play
2023SET Target: 1620
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index แกว่งตัว Sideways โดยระหว่างวันมีแรงซื้อหุ้นขนาดใหญ่ นำโดย DELTA หนุนดัชนีปรับขึ้นเหนือ 1,500 จุด อย่างไรก็ตาม มีแรงขายออกมาช่วงท้าย ทำให้ดัชนีอ่อนตัวลงมาปิดทรงตัว +0.07 จุด ณ สิ้นวัน มูลค่าการซื้อขายยังค่อนข้างเบาบางเพียง 3.4 หมื่นลบ. สถาบันในประเทศซื้อสุทธิในตลาดหุ้นอีก 632 ลบ. ขณะที่นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 444 ลบ. (แต่ยัง Long Index Futures อีก 8.3 พันสัญญา)
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index แกว่งตัว Sideways Up สู่กรอบ 1,500-1,510 จุด หนุนโดยกลุ่มพลังงาน หลังราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นแข็งแรงเมื่อคืนที่ผ่านมาจากหลายปัจจัย หนุนทั้ง Dollar Index ที่อ่อน อุปทานที่ตึงตัวขึ้น และจีนเตรียมกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่ม อย่างไรก็ตาม ประเมิน Upside จะยังไม่กว้างนัก โดยตลาดรอจับตาตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ เดือน มิ.ย. คืนนี้ หากชะลอตัวลงช้ากว่าคาดจะเป็นปัจจัยกดดันสินทรัพย์เสี่ยงอีกครั้ง ส่วนโฟกัสหลักสำหรับ SET Index ยังอยู่ที่การเมืองในประเทศ ซึ่งมีกำหนดลงมติเลือกนายกฯ วันพรุ่งนี้เวลา 17.00 น. หากสามารถโหวตผ่านได้สำเร็จ เรามองเป็น Sentiment บวกต่อตลาดระยะสั้นจากปัจจัยความไม่ แน่นอนทางการเมืองที่ถูกปลดล็อค ช่วยหนุนความเชื่อมั่นต่อนักลงทุนและคาดหวังต่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้น เป็นบวกต่อ Domestic Play โดยเฉพาะกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการใช้จ่าย ขณะที่การคาดการณ์และประกาศกำไร 2Q23 จะเป็นอีกปัจจัยกำหนดทิศทางดัชนีในช่วง 1 เดือนข้างหน้า โดยกลุ่มธนาคารเริ่มประกาศกำไรวันนี้
กลยุทธ์ : เลือกลงทุนในหุ้นที่คาดกำไร 2Q23 แข็งแกร่ง//ส่วนที่สะสมแล้วยังถือลงทุน ต่อเนื่อง
หุ้นเด่นเดือน ก.ค. : CPALL, CPN, MINT, NSL, TOA
หุ้นเด่นวันนี้ : ADVANC
- แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 240 บาท
- Consensus คาดกำไร 2Q23 ที่ 7.2 พันลบ. +7% q-q, +10% y-y หนุนจากรายได้ที่เติบโต หลักๆ จาก ARPU ที่ดีขึ้นตามการแข่งขันที่ลดความรุนแรงลง ขณะที่ค่าใช้จ่ายการตลาดชะลอตัว
- Consensus คาดกำไรสุทธิปี 2023 ที่ราว 2.8-2.9 หมื่นลบ. +13% y-y เติบโตแข็งแกร่ง และกลับสู่โหมดการทำกำไรอีกครั้ง ส่วน Dividend Yield คาดจ่ายราว 4% ต่อปี
- แนวรับ 213-210 บาท แนวต้าน 219-222 บาท
Fund Flow : วานนี้กระแสเงินทุนพลิกมาไหลเข้าภูมิภาคหนาแน่น US$1,012 ล้าน นำโดยไต้หวันและเกาหลีใต้ US$575 ล้านและ US$453 ล้าน ตามลำดับ ขณะที่อาเซียนเม็ดเงินค่อนไปในทิศทางไหลออกบางๆ โดยทรงตัวที่อินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ แต่ไหลออกจากไทยและเวียดนาม แนวโน้มกระแสเงินทุนคาดว่ายังอยู่ในทิศทางไหลเข้าจาก Dollar ที่อ่อนค่า แต่ปริมาณคาดบางลงโดยรอดูตัวเลขเงินเฟ้อ CPI สหรัฐฯ คืนนี้
ประเด็นสำคัญวันนี้
(0) จับตาเงินเฟ้อเดือนมิ.ย. สหรัฐคืนนี้ ตลาดคาด Core CPI +0.3% m-m, +5% y-y ลดลงเมื่อเทียบกับ +0.4% m-m, +5.3% y-y ในเดือนพ.ค. 2023 หากเป็นไปตามคาดหรือลดลงมากกว่าคาด จะเป็นปัจจัยลดแรงกดดันให้เฟดปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุม FOMC 25- 26 ก.ค. นี้บ้าง และจะเป็นบวกต่อตลาดทุนและสินทรัพย์เสี่ยง อย่างไรก็ดี เฟดหลายท่านยังคงให้ความเห็นว่า อัตราดอกเบี้ยยังจำเป็นต้องขยับขึ้นอีกในครึ่งปีหลังเพื่อดึงเงินเฟ้อลงมาที่ 2%
(+) TISCO เราคาดกำไรสุทธิ 2Q23 ที่ 1.76 พันลบ. -2% q-q และ -5% y-y จากรายได้ค่าธรรมเนียมที่ลดลงของธุรกิจค้าหลักทรัพย์ และบริหารสินทรัพย์ตามภาวะตลาดทุนที่ซบเซา รวมถึงธุรกิจ Bancassurance ที่อยู่ในช่วง low season ขณะที่รายได้ดอกเบี้ยรับสุทธิจะโตดี จากยอดสินเชื่อสุทธิ 2Q23 ที่โต +5% q-q และ +14% y-y จากสินเชื่อบรรษัทและสินเชื่อ เพื่อโครงการสาธารณูปโภค ส่วน NIM แบงก์คาดจะอ่อนตัวลงเล็กน้อยมาจากต้นทุนดอกเบี้ยที่สูงขึ้น ส่วน NPL มีแนวโน้มปรับขึ้นแต่ยังอยู่ในเป้าของธนาคารของปี 2023 ที่ 2.5% เทียบกับ 2.13% ใน 1Q23 และ credit cost น่าจะอยู่ในระดับที่จัดการได้ เรามั่นใจในแผนกลยุทธ์ธุรกิจ ที่เน้นการปล่อยสินเชื่อที่ให้ผลตอบแทนสูง อย่างสินเชื่อรถแลกเงิน ราคาเป้าหมาย 111 บาท พร้อม Dividend yield 8-9% แนะนำ “ซื้อ”
(+) SAPPE เราคาดกำไรสุทธิ 2Q23 ที่ 300 ลบ. +9% q-q, +80% y-y ทำสถิติสูงสุดใหม่ และดีกว่าที่เราคาดไว้ก่อนหน้านี้ จากรายได้ส่งออกที่เพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก อีกทั้งคาด gross margin จะทำปรับขึ้นสูงสุดในรอบ 28 ไตรมาส ที่ 43.7% ใน 2Q23 จากรายได้ส่งออกที่เติบโตอย่างน่าประทับใจ จากการขยายช่องทางการจัดจำหน่ายทั้ง modern และ traditional trade เราจึงปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 2023-24 เพิ่มเป็น 1.2 พันลบ. +82% y-y และ 1.3 พันลบ. +12% y-y ตามลำดับ ปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 96.50 บาท แนะนำ “ซื้อ”
(+) SCGP เราคาดกำไรสุทธิ 2Q23 ที่ 1.4 พันลบ.+15% q-q จากต้นทุนวัตถุดิบ พลังงาน และค่าขนส่งลดลง แต่ -25% y-y เนื่องจากความต้องการในจีนชะลอตัว และมีกำลังผลิตใหม่เข้าสู่ตลาดมากขึ้น อย่างไรก็ตาม EBITDA margin ปรับตัวดีขึ้นทั้ง q-q และ y-y โดยธุรกิจ บรรจุภัณฑ์ต้นทุนลดลง แต่ยอดขายชะลอตัวจากราคาขายที่ปรับลง ส่วนธุรกิจเยื่อและกระดาษ แม้ราคาเยื่อกระดาษแบบสั้นจะปรับลงแต่บริษัทได้เปลี่ยนไปใช้เยื่อชนิดอื่นมากขึ้น ประกอบกับต้นทุนพลังงานที่ลดลง จึงทำให้ margin ดีขึ้น แนวโน้มกำไร 2H23 น่าจะดีขึ้นแบบค่อยเป็น ค่อยไปจากทั้งยอดขายและต้นทุนการผลิตที่ลดลงจากอุปทานใหม่เข้าสู่ตลาดน้อยลง และต้นทุนพลังงาน วัตถุดิบที่เป็นเทรดขาลง
(+) ตลาดดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 317.02 จุด หรือ +0.93% ปิดที่ 34,261.42 จุด นักลงทุนจับตามองประกาศตัวเลขเงินเฟ้อที่จะประกาศในสัปดาห์นี้
(+) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดบวก จากนักลงทุนคาดการณ์ว่า FED ใกล้จะหยุดขึ้นดอกเบี้ย และจีนจะขยายมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อกระตุ้นภาคอสังหาฯ ที่อ่อนแอ
(+) ตลาดหุ้นเอเชีย เปิดบวก ตามทิศทางตลาดหุ้นสหรัฐ
(+) ค่าเงินบาท แข็งค่า อยู่ที่บริเวณ 34.68 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX เพิ่มขึ้น 1.84 ดอลลาร์ หรือ 2.52% ปิดที่ 74.83 ดอลลาร์/บาร์เรล ได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของดัชนีดอลลาร์ที่ต่ำสุดในรอบ 2 เดือน ในขณะที่เช้านี้ปรับตัวลงที่ระดับ 74.81 ดอลลาร์/ บาร์เรล -0.03%
(+) ราคาทองคํา COMEX เพิ่มขึ้น 6.10 ดอลลาร์ หรือ 0.32% ปิดที่ 1,937.1 ดอลลาร์/ออนซ์ ได้รับแรงหนุนจากการอ่อนค่าของดอลลาร์เช่นกัน ขณะที่การลดลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐช่วยลดต้นทุนค่าเสีย โอกาสในการถือครองทองคำ ในขณะที่เช้านี้ปรับเพิ่มขึ้นต่อที่ระดับ 1,938.60 ดอลลาร์/ออนซ์ 0.08%
SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 914.95 / -0.31