บล.บัวหลวง:
Krungthai Card (KTC TB/KTC.BK)
KTC – ปรับลดคำแนะนำ จากการฟื้นตัวที่ชะลอตัวลง
เราปรับลดประมาณการกำไรปี 2566-68 ของ KTC เนื่องจากปัจจุบันเราคาดอัตราการตั้งสํารองและหนี้เสียจะสูงขึ้น ดังนั้นจึงมีความเสี่ยงต่อประมาณการกำไรของตลาด เราปรับคำแนะนำลง จาก “ชื้อ” มาเป็น “ขาย”
กําไรสุทธิไตรมาส 2/66 น่าจะต่ำกว่าที่เราคาดเดิม 5%
เราคาดกําไรไตรมาส 2/66 ที่ 1.8 พันล้านบาท ลดลง 3% YoY และ 2% QoQ โดยกดดันจากการตั้งสำรองที่สูงและ NIM ที่หดตัวลง เราคาดอัตราการตั้งสำรองในไตรมาส 2/66 อยู่ที่ 5.5% เพิ่มขึ้น 102bps YoY และ 23bps QoQ สมมติฐาน NIM ในไตรมาส 2/66 ของเราอยู่ที่ 10% ลดลง 69bps YoY และ 7bps QoQ โดยหลักมาจากต้นทุนทางการเงินที่สูงขึ้น ปัจจัยทั้งสองนี้น่าจะกลบผลของมูลค่าพอร์ตสินเชื่อ ณ สิ้นเดือน มิ.ย. ที่คาดว่า จะอยู่ที่ 1.06 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 11% YoY และ 3% QoQ เรายังมองว่าธุรกิจสินเชื่อจํานําทะเบียนรถ (พี่-เบิ้ม) จะเติบโต 200% QoQ ไปเป็น 1 พันล้านบาท
การตั้งสํารองในช่วงครึ่งหลังของปี 2566 ยังคงอยู่ในระดับสูง HOH…
เราคาดการตั้งสํารองในช่วงครึ่งหลังของปี 2566 จะยังอยู่ในระดับสูง HoH แม้ว่าเราคาดเศรษฐกิจจะฟื้นตัวขึ้นในครึ่งหลังของปี 2566 แต่การฟื้นตัวมีแนวโน้มที่จะชะลอตัวลงกว่าที่เราคาด สัดส่วนการตั้งสํารองของ ณ สิ้นเดือน มี.ค. 2566 ของ KTC อยู่ที่ 462.7% ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับสูง เนื่องจากพอร์ตส่วนใหญ่ไม่มีหลักประกัน (ต่างกับสินเชื่อจํานําทะเบียนรถยนต์หรือผู้ให้บริการ HP) โดยปัจจุบันเราคาดว่า KTC จะคงสัดส่วนการตั้งสำรองอยู่ในระดับสูง ตลอดปี 2566
…ดังนั้น เราจึงปรับลดประมาณการกำไรปี 2566-68 ลง
เราปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 2566 ลง 8% มาเหลือ 7.3 พันล้านบาท (เติบโต 3% YoY) ต่ำกว่าที่ตลาดคาด 4% เนื่องจากปัจจุบันเราคาดอัตราการตั้งสํารองปี 2566 ที่สูงขึ้นไปอยู่ที่ 5.4% ขึ้นจาก 4.9% ในปี 2565 เรายังคงคาดว่าสินเชื่อปี 2566 จะเติบโต 13% YoY เนื่องจากเราคาดว่าการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตจะได้รับประโยชน์จากกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เกือบจะกลับสู่ภาวะปกติ และธุรกิจสินเชื่อทะเบียนรถของ KTC (พี-เบิ้ม) น่าจะขยายตัวอย่างรวดเร็ว (แต่ไม่น่าจะถึงเป้าหมายปี 2566 ของผู้บริหารที่ 9 พันล้านบาท) เราปรับลดประมาณการกำไรสุทธิปี 2567 ลง 11% มาเหลือ 8.1 พันล้านบาท (เพิ่มขึ้น 10% YoY)
ประมาณการกำไรไตรมาส 3/66 ของเราอยู่ที่ 1.9 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 5% YoY และ 2% QoQ โดยหนุนจากสินเชื่อที่เติบโต 14% YoY และ 4% QoQ การเติบโตของสินเชื่อน่าจะกลบผลของ NIM ในไตรมาส 3/66 ที่อยู่ที่เพียง 10% ลดลง 73bps YoY และ 7bps QoQ อัตราการตั้งสํารองของเราในไตรมาสนี้อยู่ที่ 5% เพิ่มขึ้น 18bps YoY และทรงตัว QoQ มูลค่าตรึงตัวแล้ว ปัจจุบัน PER ปี 2566 ของ KTC อยู่ที่ 16 เท่า (ใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ย 10 ปี) แต่คาดการณ์การเติบโตเฉลี่ยสะสมของกำไรสุทธิต่อหุ้นปี 2566-68 อยู่ที่ 8% ซึ่งคิดเป็น PEG ที่ตรึงตัวที่ 2 เท่า ทั้งนี้ PBV ณ สิ้นปี 2566 อยู่ที่ 3.4 เท่า (ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 10 ปี อยู่ 0.4 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน) และ ROE ปี 2566 อยู่ที่ 21.7% (ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยปี 2556-2565 ที่ 26.4%)