SSP ทุ่ม 140 ลบ. ลุยแตกไลน์ธุรกิจใหม่ผลิตและจำหน่ายบรรจุภัณฑ์ มุ่งเน้นสินค้านวัตกรรม และตอบโจทย์สิ่งแวดล้อม ตั้งเป้ายอดขาย 500 ลบ. ภายใน 3 ปี หนุนผลงานเติบโตต่อเนื่อง

บมจ.เสริมสร้าง พาวเวอร์ คอร์ปอเรชั่น (SSP) ส่งบ.ย่อย เสริมสร้าง เน็กซ์ เวนเจอร์ส ทุ่มงบลงทุน 140 ล้านบาท เข้าถือหุ้น 75% ในบริษัท “สามารถ พลาสแพค” เดินหน้ารุกขยายธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายบรรจุภัณฑ์อุปโภคบริโภค ฟากซีอีโอ “วรุตม์ ธรรมาวรานุคุปต์” มั่นใจการเข้าลงทุนรุกขยายธุรกิจใหม่ครั้งนี้ จะช่วยสร้างฐานรายได้เพิ่ม โดยจะให้ความสำคัญในการพัฒนาการผลิต ทั้งการขยายกำลังการผลิตและการเพิ่มประสิทธิภาพด้วยเทคโนโลยี พร้อมตอบโจทย์ในการรักษาสิ่งแวดล้อม ตั้งเป้ายอดขาย 500 ล้านบาท ภายใน 3 ปี พร้อมเดินหน้าหาโอกาสลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าใหม่อย่างต่อเนื่อง และยังคงเป้าพอร์ตกำลังผลิตไฟฟ้าเติบโตเท่าตัว

นายวรุตม์ ธรรมาวรานุคุปต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เสริมสร้าง พาวเวอร์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (SSP) เปิดเผยว่า บริษัทฯเห็นโอกาสการเติบโตทางธุรกิจใหม่ จึงได้เข้าลงทุนผ่านบริษัทลูกคือ “เสริมสร้าง เน็กซ์ เวนเจอร์ส “โดยได้ทำรายการเข้าถือหุ้นของบริษัท สามารถ พลาสแพค จำกัด ในสัดส่วน 75% ซึ่งเป็นการซื้อหุ้นจากผู้ถือหุ้นเดิม และการเพิ่มทุนใหม่ คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 140 ล้านบาท เพื่อลงทุนในการขยายกำลังการผลิต และปรับปรุงประสิทธิภาพเครื่องจักร ซึ่งในเฟสแรกจะผลิตบรรจุภัณฑ์พลาสติกแบบอ่อน โดยใช้แหล่งเงินจากการเพิ่มทุนและวงเงินกู้จากสถาบันการเงิน การเข้าลงทุนในครั้งนี้ ถือเป็นการสร้างโอกาสใหม่ทางธุรกิจของบริษัท เพื่อผลักดันการเติบโตอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งช่วยเพิ่มฐานรายได้ใหม่เข้ามาเติมเต็มธุรกิจโรงไฟฟ้า Renewable ในปัจจุบันให้แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น

ทั้งนี้ มูลค่าตลาดผลิตบรรจุภัณฑ์พลาสติกในประเทศไทยมีมูลค่ารวมกว่า 2 แสนล้านบาท และยังคงมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องตามการอุปโภคบริโภคที่เพิ่มขึ้น อีกทั้งในปัจจุบันผู้บริโภคยังได้มีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม และให้ความสนใจในเรื่องของสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น ทั้งในการนำกลับมาใช้ (Recycle) ผลิตภัณฑ์ที่ย่อยสลายง่าย เพื่อแก้ปัญหาเรื่องการลดมลภาวะ  และการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก นอกจากนี้ เทคโนโลยีการพิมพ์และการขึ้นรูปบรรจุภัณฑ์ที่มีนวัตกรรมทันสมัย และสะดวกต่อการใช้งาน มากยิ่งขึ้น ซึ่งตรงกับเป้าหมายการดำเนินธุรกิจของ SSP มองหาโอกาสในการลงทุนในธุรกิจใหม่ ที่มีโอกาสในการเติบโตที่ดี มีส่วนร่วมในการนำไปสู่ Net Zero ซึ่งจะเป็นประเด็นที่สำคัญเพิ่มขึ้นเรื่อยๆในอนาคต

ในส่วนแผนการตลาดของธุรกิจบรรจุภัณฑ์ บริษัทฯจะจัดจำหน่ายผลิตบรรจุภัณฑ์พลาสติกให้กับผู้ใช้ในภาคอุตสาหกรรม โดยมุ่งเน้นไปที่อุตสาหกรรมอาหาร ซึ่งในประเทศไทยถือเป็นอุตสาหกรรมลำดับต้นๆของโลกซึ่งมีแนวโน้มในการเติบโตสูง รวมถึงในอนาคต บริษัทฯยังมีแผนที่จะนำเสนอบรรจุภัณฑ์ที่เป็นสินค้าให้กับผู้บริโภคโดยตรง หรือสำหรับธุรกิจ SME ซึ่งมีการขยายตัวมากขึ้นตามธุรกิจอีคอมเมิร์ซ หรือ ธุรกิจ Food Delivery

“การเข้าลงทุนในบริษัท สามารถ พลาสแพค จำกัด จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งของฐานรายได้มากขึ้น จากที่มีรายได้จากธุรกิจโรงไฟฟ้า Renewable เพียงอย่างเดียว และการแตกไลน์ขยายธุรกิจดังกล่าว ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นของลงทุนที่จะช่วยผลักดันการเติบโตได้ดีในอนาคต และสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้นในระยะยาว”นายวรุตม์ กล่าว

สำหรับภาพรวมการดำเนินธุรกิจในช่วงครึ่งปีหลัง บริษัทฯยังคงเดินหน้ามองหาโอกาสเพื่อเข้าไปลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าใหม่ๆในประเทศ ฟิลิปปินส์ และไต้หวัน และการใช้กลยุทธ์ทำ M&A ซึ่งอยู่ระหว่างการเจรจาปิดดีล รวมถึงการเข้าลงทุนในเวียดนามตามแผนพัฒนาพลังงาน PDP8 ซึ่งจะเป็นส่วนช่วยสนับสนุนทำให้พอร์ตกำลังผลิตเติบโตเท่าตัวในอีก 3 ปีข้างหน้า

- Advertisement -