วันนี้คาดตลาด “Sideways”

แนวรับ 1,509 / 1,500 แนวต้าน 1,520 / 1,540 สัปดาห์น้ีคาดตลาดต่างประเทศจะแกว่งตัวไปตามการรายงานผลประกอบการของ บจ. ตลาดนั้นๆ ขณะที่ตลาดหุ้นไทยแนะนา ติดตามการรายงานงบแบงค์ รวมทั้งการโหวตนายกฯ ต่อ

Our View? “ลดช่วงบวก”

คาดตลาดวันนี้ “Sideways” มองแนวรับที่บริเวณ 1,509 / 1,500 และแนวต้านที่บริเวณ 1,520 / 1,540 คาดตลาดอาจชะลอกำลังลงบ้าง หลังจากทิศทางราคาสินทรัพย์เสี่ยงฟื้นตัวขึ้นรับรู้แนวโน้มที่ธนาคารกลางสหรัฐ (FED) มีโอกาสจะยุติการขึ้นอัตราดอกเบี้ยในระยะถัดไป ตามตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐทั้งทางฝั่งผู้ผลิตและผู้บริโภคที่ชะลอตัวลงต่อเนื่อง และดีกว่าที่ตลาดคาดไว้ กดดันทิศทางค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนตัวลง พร้อมอัตราผลตอบแทน พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ (US-Bond Yield) อ่อนตัวลงเร็ว อย่างไรก็ตาม เรามองตลาดปรับตัวรับรู้คาดการณ์ดังกล่าวไปบ้างในระดับหนึ่งแล้ว ขณะที่คาดว่าตลาดหุ้นทั่วโลกในสัปดาห์นี้เริ่มให้ความสนใจ กับการรายงานผลประกอบการของ บจ. ในตลาดนั้นๆ เป็นสำคัญ โดย FactSet และ Refinitiv คาดการณ์กำาไรของบจ. ใน S&P500 2Q′66 จะออกมาลดลง 6-7%YoY คาดเป็นปัจจัยกดดันให้ทิศทางตลาดในระยะสั้นชะลอตัวลงได้ อีกทั้งเราเริ่มเห็น Dollar Index พยายามฟื้นตัวขึ้นบ้างหลังอ่อนตัวลงแรงต่อเนื่อง ล่าสุดฟื้นตัวขึ้นอยู่ที่บริเวณ 99.96 สอดคล้องกับ 10 Year US Bond Yield ฟื้นตัวขึ้นอยู่ที่ระดับราว 3.846% หลังอ่อนตัวลงก่อนหน้า คาดจะกดดันทิศทางราคาสินทรัพย์เสี่ยงได้บ้าง

ทางด้านราคาสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI. ส่งมอบเดือน ส.ค. เมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมาปิดที่ ระดับ 75.42 ดอลลาร์/บาร์เรล -147 ดอลลาร์ (-1.91%) เริ่มวกตัวลงแล้วหลังฟื้นตัวขึ้นได้ดีในช่วงก่อนหน้า คาดเผชิญแรงขายทำกำไรหลังรับรู้ความหวัง FED มีโอกาสยุติการขึ้นอัตราดอกเบี้ยในระยะถัดไป ลดทอนความกังวลของผลกระทบของการใช้นโยบายทางการเงินที่เข้มงวด อาจส่งผลให้อุปสงค์น้ำมันได้รับผลกระทบ อีกทั้งการที่ดอลลาร์สหรัฐเริ่มชะลอการอ่อนค่าลงแล้วคาดกระตุ้นแรงขายทำกำไรราคาสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้าเช่นกัน อีกทั้งการที่ Baker Hughes ออกมารายงานแท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐเพิ่มขึ้น 3 แท่น เพิ่มความกังวลต่อแนวโน้มอุปทานน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นกดดันทิศทางราคาน้ำมันดิบ-หุ้นในกลุ่มพลังงานได้บ้างเล็กน้อย

สําหรับปัจจัยภายในประเทศสัปดาห์นี้ยังต้องติดตามสภาฯ โหวตเลือกนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศไทยต่อ หลังจากคุณพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ไม่ผ่านการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีในรอบแรกที่จําเป็นต้องใช้เสียงของ สว.ในระดับหนึ่ง ทำให้ภาพความชัดเจนทางการเมืองยืดเยื้อต่อไป อย่างไรก็ตาม เราคาดว่าความชัดเจนดังกล่าวจะเกิดขึ้นอีกครั้งในการโหวตรอบที่ 2-3 ในวันที่ 19-20 ก.ค. นี้ ขณะที่ทำให้ตลาดเริ่มพูดถึงการที่พรรคเพื่อไทยมีโอกาสในการจัดตั้งรัฐบาลสําเร็จมีมากขึ้น เรามองเป็นปัจจัยจำกัด Downside และช่วยเพิ่ม Upside ของตลาดได้ในระยะถัดไป มองเป็นจิตวิทยาเชิงบวกต่อหุ้นในกลุ่มการเมือง อาทิ SIRI, SC และ ADVANC อย่างไรก็ตาม เรายังมีมุมมองเชิงลบต่อหุ้นในกลุ่มท่องเที่ยว-โรงแรม (AOT, AAV, BA, CPN, MINT, ERW และ CENTEL) ในกรณีของความไม่แน่นอนทางการเมืองนำมาซึ่งความวุ่นวายทางการเมืองที่เริ่มเห็นการจัดกิจกรรม ทางการเมือง คาดจะส่งผลต่อตัวเลขนักท่องเที่ยวของไทยที่อาจออกมาต่ำกว่าคาด อีกทั้งการที่เศรษฐกิจจีนฟื้นตัวช้ากว่าที่ตลาดประเมินไว้ คาดจะส่งผลให้การเดินทางออกท่องเที่ยวต่างประเทศ ) โดยเฉพาะอาเซียนรวมถึงไทยที่พึ่งพานักท่องเที่ยวจีนในระดับสูงได้รับผลกระทบ โดยอาจเห็นการปรับประมาณการนักท่องเที่ยวจีนลง และเป็นจิตวิทยาเชิงลบต่อหุ้นในกลุ่มดังกล่าว รวมทั้งเราแนะนำให้ติดตามการรายงานผลประกอบการ โดยเฉพาะหุ้นในกลุ่มธนาคารที่คาดจะประกาศในสัปดาห์นี้ โดย Bloomberg Consensus ประเมินผลประกอบการของ บจ. ในกลุ่มธนาคารจะออกมาอยู่ที่ระดับ -0.59% QoQ และ +14.02% YoY จาก NIM ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากการปรับดอกเบี้ยเงินกู้และเงินฝาก 2 ครั้งในเดือน เม.ย. และ มิ.ย. มองเป็นปัจจัยบวกต่อทิศทางราคาหุ้นในกลุ่มธนาคารได้ (KBANK, SCB, BBL, KTB และ TTB)

ธีมการลงทุน “Selective Play”

หุ้นแนะนำวันน้ี “KBANK”

  • เราคาดว่าผลประกอบการของ KBANK มีโอกาสออกมาดีกว่าตลาดคาด โดยตลาดคาดว่าจะออกมาที่ระดับ +0.46% QoQ / -0.03%YoY เราคาด KBANK มีการตั้งสำรองไปค่อนข้างมากแล้วใน 1Q’66 ขณะที่คาดว่า 2H’66 สินเชื่อจะกลับมาเติบโตได้จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการฟฟื้นตัวของประเทศ
  • ทางเทคนิค ราคา Throwback ยกจุดต่ำสุดใหม่ ในภาพระยะสั้นสูงขึ้นได้ พร้อม MACD และ SSTO ให้สัญญาณซื้อ
  • กลยุทธ์ ทยอยซื้อสะสม แนวรับ 132.00 / 130.00 Target 137.00 / 141.00 Stop <129.00

- Advertisement -