สรุปภาวะตลาด

วันศุกร์ที่ผ่านมา ดัชนีปรับตัวขึ้นต่อเนื่องราว +24 จุด ปิดที่ระดับสูงสุดของวัน หลังจากวันก่อนหน้ามีการโหวตเลือกคุณ พิธาเป็นนายกฯ แต่คะแนนเสียงเห็นชอบยังไม่เพียงพอ ประกอบกับสหรัฐ รายงาน PPI ขยายตัวในอัตราต่ำสุดในรอบเกือบ 3 ปี แสดงถึงแรงกดดันเงินเฟ้อที่ลดลง โดยมีแรงซื้อทั้งในหุ้นกลุ่มพลังงาน อิเล็กทรอนิกส์ และค้าปลีก เป็นต้น ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,517.92 จุด +23.90 จุด +1.60% มูลค่าการซื้อขาย 43,640 ลบ.ต่างชาติ +1,651.08 ลบ. TFEX +40,441 สัญญา ตราสารหนี้ +668.68 ลบ.

ปัจจัยบวก+

+ ดัชนีดาวโจนส์ปิดเพิ่มขึ้น 113.89 จุด +0.33% ได้แรงหนุนจากการเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียน แต่ดัชนี S&P 500 ปิดลดลงเล็กน้อย โดยหุ้นกลุ่มธนาคารและกลุ่มการเงินปรับตัวลงเป็นส่วนใหญ่ หลังจากเริ่มต้นการรายงานผลประกอบการ 2Q66 ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวขึ้น 2.3%

+ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ร่วงลง 1.47 ดอลลาร์ -1.91% ปิดที่ 75.42 ดอลลาร์/บาร์เรล เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไร หลังจากราคาปรับตัวขึ้นติดต่อกัน 3 วันก่อนหน้านี้ แต่ยังคงปรับตัวขึ้น 2.1% ในรอบสัปดาห์นี้

+ ตลาดการเงินคาดการณ์ว่า รัฐบาลจีนจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในไม่ช้านี้ หลังมีการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอหลายรายการ ซึ่งรวมถึงยอดส่งออกเดือนมิ.ย.ร่วงลง 12.4%YoY

+ ยอดส่งออกรถยนต์ของจีนพุ่งขึ้น 75.7%YoY ในช่วงครึ่งแรกของ ปี 2566 ซึ่งแสดงให้เห็นว่ายังคงรักษาแนวโน้มการเติบโตที่แข็งแกร่งเอาไว้ได้

ปัจจัยลบ-

– เยอรมนีเปิดเผยว่า ดัชนีราคาค้าส่งปรับตัวลดลง 2.9%YoY ใน เดือนมิ.ย. ปรับตัวลดลงมากที่สุดในรอบ 3 ปี เป็นสัญญาณว่าเงินเฟ้อในเยอรมนีจะผ่อนคลายลงอย่างต่อเนื่อง

– ตลาดหุ้นฮ่องกงประกาศระงับซื้อขายภาคเช้า กังวลผลกระทบพายุไต้ฝุ่น “ตาลิม”

– หอสังเกตการณ์แห่งชาติของจีนประกาศเตือนภัยระดับสีเหลืองอีกครั้ง เนื่องจากคลื่นความร้อนได้แผดเผาพื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศอุณหภูมิอาจสูงเกิน 40 องศาเซลเซียส

– อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์กล่าวว่า ประเทศไทยพบสายพันธุ์โควิดสายพันธุ์ EG.5.1 แล้ว 5 ราย อัตราแพร่เชื้อสูงกว่า XBB.1.16

– ตลท. สรุปภาพรวมการซื้อขายหลักทรัพย์สะสมตั้งแต่ วันที่ 1 ม.ค.- 14 ก.ค. 2566 พบว่า นักลงทุนสถาบันในประเทศซื้อสุทธิ 45,749.34 ล้านบาท บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ ขายสุทธิ 6,614.61 ล้านบาท นักลงทุนต่างประเทศ ขายสุทธิ 115,663.88 ล้านบาท นักลงทุนในประเทศซื้อสุทธิ 76,529.15 ล้านบาท

– คลังไม่ถอยเก็บภาษีหุ้น เตรียมเสนอแผนปฏิรูปภาษีให้รัฐบาลใหม่ เพื่อเป็นช่องทางเพิ่มรายได้และลดขาดดุลงบประมาณ ปัจจุบันรายได้ภาษีของรัฐบาลคิดเป็นเพียง 14% ของ GDP โดยตามหลักการควรที่จะอยู่ที่ 15-16% ของ GDP เท่านั้น

แนวโน้มตลาดวันนี้

คาดดัชนีในวันนี้มีโอกาสแกว่งตัวผันผวนในลักษณะ Sideway ออกข้าง โดยยังขาดปัจจัยใหม่เข้าหนุนตลาด นักลงทุนยังติดตามการเมืองในประเทศเป็นหลัก ซึ่งจะมีการโหวตเลือกนายกฯรอบ 2 ในวันที่ 19 ก.ค.นี้ มองกรอบดัชนีในวันนี้ที่ 1,510-1,525 จุด

กลยุทธ์การลงทุน

  • สินค้าส่งออกเดือน พ.ค. ที่ยังขยายตัวได้ดี : SNC AH SAT HANA KCE PDJ
  • ค่าระวางเรือขึ้นจากคลองปานามา หุ้นได้ประโยชน์ PSL TTA RCL
  • 5 หุ้นเด่น IAA : ADVANC AOT BBL CPALL SCB
  • หุ้นได้ประโยชน์ราคาน้ำมัน : PTTEP PTT BCP ESSO

หุ้นรายงานพิเศษ

PRM – “ซื้อ” Bloomberg Consensus 9.63 บาท “คาดแนวโน้มผลประกอบการ 2Q66 จะเป็นจุดต่ำสุดของปีนี้ ก่อนฟื้นโตในช่วง 2H66

  • งวด 1Q66 มีกำไร 577 ลบ. +111%YoY -16%QoQ โดยมีรายได้ 2,101 ลบ. +43%YoY -12%QoQ เติบโตแรง YoY จากทุกกลุ่มธุรกิจตามอุปสงค์น้ำมันที่เพิ่มขึ้นหลังโควิด-19 คลี่คลาย ประกอบกับรับรู้รายได้จากเรือที่เริ่มให้บริการใหม่ตั้งแต่ช่วง 3-4Q65 แบ่งเป็นเรือขนส่งน้ำมัน 3 ลำ และเรือ FSU 1 ล่า แต่หดตัว QoQ เนื่องจากมีเรือ FSU 1 ลำ เข้าอู่ซ่อมบำรุง และเรือ AWB 1 ลำ หยุดให้บริการเนื่องจากอยู่ในช่วงเปลี่ยนสัญญาตั้งแต่ช่วงต้นเดือน มี.ค.66
  • คาดแนวโน้มผลประกอบการ 2Q66 จะหดตัว QoQ และจะเป็นจุดต่ำสุดของปีนี้ (Bloomberg คาดกําไร 2Q66 ราว 448 ลบ. +126%YoY -22%QoQ) ก่อนจะฟื้นโตช่วงครึ่งปีหลัง เนื่องจากเรือ FSU 1 ลำ เข้าอู่ซ่อมบำรุงตั้งแต่ช่วงต้นมี.ค.66-ปลายมิ.ย.60 ทำให้ช่วง 2Q66 กลุ่มธุรกิจเรือ FSU (สัดส่วนรายได้ 34%) มีเรือให้บริการ 5 ลำ จากทั้งหมด 6 ลำ อย่างไรก็ตาม คาดผลประกอบการจะเติบโตช่วงครึ่งปีหลังเนื่องจาก 1) เรือส่วนใหญ่กลับมาให้บริการตามปกติ 2) อุปสงค์น้ำมันปรับสูงขึ้นตามสถานการณ์ท่องเที่ยว 3) รับรู้รายได้จากเรือขนส่งปิโตรเคมี 1 ลำ ที่เริ่มให้บริการใหม่ตั้งแต่ช่วง เม.ย.66 และ 4) ราคาน้ำมันที่เริ่มปรับลดลง ส่งผลดีต่อต้นทุนบริการ
  • ความเห็น เรามีมุมมองบวกต่อผลประกอบการ 2H66 ที่คาดจะฟื้นโตดีขึ้น โดย Bloomberg Consensus คาดกำไรปี 66 ราว 1,916 ลบ. -14%YoY หากติดกาไรพิเศษจากค่าเงินออก คาดกำไรปกติปี 66 จะโต 27%YOY ทั้งนี้ คาดการณ์กำไร 1H66 คิดเป็น 54% ของประมาณการทั้งปี 66 อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้นปรับตัวลง 10%YTD สะท้อนผลประกอบการที่ถดถอยไปแล้ว และราคาเหมาะสมที่ 9.63 บาท มีอัพไซต์ 49% ประกอบกับบริษัทมีฐานะการเงินแข็งแกร่ง IBD/Equity = 0.34x และยังมีแผนซื้อเรือเพิ่มเติม ซึ่งจะเป็นอัพไซต์ในอนาคต จึงแนะนำ “ซื้อ”

หุ้นมีข่าว

(+) NEX (Bloomberg consensus 13.75 บาท) ผู้บริหาร NEX พร้อมรับดีมานด์อีวีพาณิชย์พุ่ง หลังรัฐไม่ต่ออายุลดภาษีดีเซล ดันราคาน้ำมันกระฉูดทันที ชูอีวีประหยัดต้นทุนสูง การบังคับใช้ยูโร 5 เป็นตัวกระตุ้น แย้มลูกค้าสนใจรถหลายรายตั้งตัวแทนจำหน่ายปีนี้ครบ 15 แห่ง ตลาดต่างประเทศหนุน มั่นใจรายได้ปีนี้ไม่ต่ำกว่า 2 ล้านบาท (ที่มา ทันหุ้น)

(+) ASW (Bloomberg consensus 9.95 บาท) กางแผนรุกตลาดอสังหาภูเก็ต รับการท่องเที่ยวพื้นตัวหลังเข้าซื้อหุ้น TITLE เสริมแกร่ง ลุยเปิด 9 โครงการใหม่ มูลค่า 14,050 ล้านบาท จับกลุ่มลูกค้าระดับราคา 4-10 ล้านบาท รวมถึงกลุ่มลูกค้าต่างชาติ ดันรายได้รวมปีนี้แตะหมื่นล้านบาท (ที่มา ทันหุ้น)

(+) MC (Bloomberg consensus 15.15 บาท) กางแผนปี 2567 ลุยพัฒนาสินค้า อัดงบการตลาด ปั๊มยอดขายเพิ่ม คาดช่วยหนุน SSSG บวกมากขึ้น การันตีรายได้โต 10-14% พร้อมปักธงอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่กรอบ 65-66% จากสิ้นงบปี 2566 ที่คาดว่าจะทําได้อยู่ที่ระดับ 65% เล็งขยายสาขาเพิ่มต่อเนื่อง

(+) SFLEX (Bloomberg consensus 5.25 บาท) มองไตรมาส 2/2566 ยอดขายโดดเด่น ยิ้มรับ บริหารจัดการธุรกิจให้ดี-ปรับตัวได้ตามสถานการณ์ปัจจุบัน เร่งยายฐานลูกค้าใหม่ต่อเนื่อง มั่นใจผลงานปี 2566 แตะ 1.8-1.85 พันล้านบาท แย้มมีดีลใหม่อยู่ระหว่างศึกษา คาดไม่เกินสิ้นปีได้ข้อสรุปอย่างน้อย 1 ดีล (ที่มา ทันหุ้น)

ปัจจัยจับตาในประเทศ

  • 12 – 21 ก.ค. หุ้นกลุ่มธนาคารส่งงบการเงินงวดครึ่งปี
  • 19 ก.ค. การประชุมสภาฯ โหวดเลือกนายกฯรอบสอง
  • สัปดาห์ที่ 3 สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) แถลงดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม
  • สัปดาห์ที่ 4 กระทรวงพาณิชย์ แถลงภาวะการค้าระหว่างประเทศ, การค้าชายแดนและการค้าผ่านแดน
    • สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) แถลงยอดผลิตและส่งออกรถยนต์
    • สํานักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) รายงานภาวะเศรษฐกิจการคลัง, ภาวะเศรษฐกิจภูมิภาค, ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาค
  • 31 ก.ค. ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รายงานภาวะเศรษฐกิจไทย

ปัจจัยจับตาต่างประเทศ

  • 17 ก.ค. จีน รายงานผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 2/2566 การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนมิ.ย.
    • สหรัฐ รายงานดัชนีภาคการผลิต (Empire State Manufacturing Index) เดือนก.ค.จากเฟดนิวยอร์ก
  • 18 ก.ค. สหรัฐ รายงานยอดค้าปลีกเดือนมิ.ย. การผลิตภาคอุตสาหกรรม เดือนมิ.ย. สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนพ.ค. ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัย เดือนก.ค. เฟดสาขาแอตแลนตาจะรายงานตัวเลขคาดการณ์ GDPNow ครั้งใหม่
  • 19 ก.ค. อียู รายงานอัตราเงินเฟ้อเดือนมิ.ย.
    • สหรัฐ รายงานตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านเดือนมิ.ย. สต็อกน้ำมันรายสัปดาห์จากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA)
  • 20 ก.ค. จีน ธนาคารกลางจีนประกาศอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้าชั้นดี (LPR)
    • สหรัฐ รายงานจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจเดือนมิ.ย.จาก Conference Board
  • 25-26 ก.ค. ประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED)
- Advertisement -