PRM เปิดกลยุทธ์ครึ่งปีหลัง เน้นธุรกิจเรือขนส่งปิโตรฯ – กลุ่ม Offshore Support เล็งซื้อเรือเพิ่มอีก 1-2 ลำ มั่นใจรายได้ปีนี้โตเกิน 10%
บมจ.พริมา มารีน (PRM) เปิดแผนกลยุทธ์ครึ่งปีหลัง เน้นธุรกิจเรือขนส่งปิโตรเคมี และเรือกลุ่ม Offshore Support หลังดีมานด์เติบโต พร้อมมองโอกาสซื้อเรือเพิ่มอีก 1–2 ลำ ฟากผู้บริหาร “วิริทธิ์พล จุไรสินธุ์” คาดแนวโน้มผลการดำเนินงานตลอดปี 2566 เป็นไปตามเป้า ธุรกิจเรือขนส่งภายในประเทศโต ส่วนธุรกิจเรือ Offshore Support มีสัญญาครบทุกลำ มั่นใจสนับสนุนรายได้ปีนี้เข้าเป้าหมายเติบโตไม่ต่ำกว่า 10%
นายวิริทธิ์พล จุไรสินธุ์ ผู้อำนวยการสายงานการเงินและบัญชี บริษัท พริมา มารีน จำกัด (มหาชน) (PRM) เปิดเผยว่า แผนธุรกิจในครึ่งปีหลัง บริษัทฯ ยังคงเน้นการขยายตัวใน 2 กลุ่มธุรกิจหลัก คือ เรือขนส่งปิโตรเคมี เพราะยังมีมุมมองในเรื่องความต้องการใช้เรือขนส่งปิโตรเคมี จะยังไม่ถูก Disruption จากการเข้ามาของรถ EV และการขนส่งปิโตรเคมียังมีแนวโน้มที่ดีจากการขยายกำลังการผลิตของกลุ่มโรงกลั่นในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยในครึ่งปีหลังบริษัทมองแผนการลงทุนซื้อเรือขนส่งปิโตรเคมีเพิ่มเติม อีกอย่างน้อย 1-2 ลำ
ขณะที่เรือกลุ่ม Offshore Support เพราะยังมีมุมมองเรื่องความต้องการใช้เรือในกลุ่มนี้ยังมีอีกมาก เพื่อสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านของผู้ได้รับสัมปทานการสำรวจและผลิตน้ำมันในอ่าวไทย โดยนอกเหนือจากเรือ Crew Boat จำนวน 2 ลำที่บริษัทได้สั่งต่อไปแล้ว บริษัทฯยังมองถึงความเป็นไปได้ในการลงทุนเรือในกลุ่มนี้ เพิ่มเติม เช่นเดียวกับที่เคยทำได้ในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2565 (ขณะนั้นบริษัทฯมีเรือที่ได้สัญญาระยะสั้นเพิ่มเติมนอกเหนือจากสัญญาเดิม)
“มุมมองธุรกิจในช่วงครึ่งปีหลังยังคงมีแนวโน้มไม่เปลี่ยนแปลงจากครึ่งปีแรก โดยในปีนี้ การเติบโตคือการเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากการลงทุนเมื่อปี 2564-2565 จากการที่เรือ VLCC ที่เริ่มเข้างานในปี 2565 จะทำงานเต็มปี เรือขนส่งน้ำมันในประเทศจะมีโอกาสขยายตัวเมื่อเทียบกับปี 2564-2565 จากการเดินทางท่องเที่ยวที่เพิ่มมากขึ้นภายหลังการเปิดประเทศ การได้รับสัญญาใหม่ของเรือ Accommodation Work Barge (AWB) การที่เรือขนส่งปิโตรเคมีขนาด 11,000 DWT ที่ซื้อเพิ่มเติมในไตรมาส 1/2566 จะเข้างานตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2566 เป็นต้นไป”
ผู้อำนวยการสายงานการเงินและบัญชี PRM กล่าวอีกว่า สำหรับภาพรวมผลการดำเนินงานในครึ่งปีแรกของปี 2566 คาดดีกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนอย่างชัดเจน เนื่องจากในช่วงครึ่งแรกของปี 2565 ธุรกิจเรือขนส่งระหว่างประเทศ มีเรือ VLCC ทำงานเพียง 2 ลำ โดย 1ลำทำงาน 4 เดือน อีก 1 ลำ ทำงานแค่ 1 เดือน แต่ในครึ่งปีแรกของปีนี้ เรือ VLCC มีเรือทั้งสิ้น 3 ลำ และทั้งหมดทำงานเต็ม 100% ขณะที่ธุรกิจเรือขนส่งภายในประเทศ มีการขยายตัวมากขึ้นจากการเปิดประเทศและการเดินทางที่เพิ่มมากขึ้นของนักท่องเที่ยวจีน ภายหลังจากสถานการณ์ COVID-19 คลี่คลายลง ส่วนธุรกิจเรือ Offshore Support ที่เรือ Crew Boat ในกลุ่มนี้มีสัญญาครบทุกลำ ในขณะที่ปีก่อนกลุ่มเรือ Crew Boat ได้สัญญาระยะยาวในเดือนเมษายนปีที่ผ่านมา จากปัจจัยข้างต้นทำให้บริษัทฯ ยังคงมั่นใจรายได้ปีนี้เติบโตไม่ต่ำกว่า 10% จากปีก่อนตามเป้าหมาย