บมจ.ไทย โคโคนัท หรือ COCOCO โชว์ผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3 ปี สุดแกร่ง รายได้-กำไร โตต่อเนื่อง “ดร.วรวัฒน์ ชิ้นปิ่นเกลียว” บิ๊กบอส จุดเด่นผู้นำผลิต-จำหน่ายและส่งออกผลิตภัณฑ์แปรรูปจากมะพร้าว-ฐานแกร่ง ครองสัดส่วนลูกค้าต่างประเทศ 90 ประเทศ ครอบคลุมทุกทวีปทั่วโลก  ด้าน “เสกสรรค์ ธโนปจัย” ซีอีโอ ฟิน พลัส แอดไวเซอรี่ ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน ระบุ COCOCO มีศักยภาพเติบโต-พร้อมเดินหน้าขาย IPO 370 ล้านหุ้น เข้า SET ภายในปีนี้

ดร.วรวัฒน์ ชิ้นปิ่นเกลียว ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทย โคโคนัท จำกัด (มหาชน) หรือ COCOCO ผู้ผลิตและจำหน่าย ส่งออกผลิตภัณฑ์แปรรูปจากมะพร้าวรายใหญ่ของไทย เปิดเผยว่า COCOCO ประสบความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจมาโดยตลอด และมีความพร้อมสำหรับการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) แล้วในปีนี้ ซึ่งปัจจุบัน COCOCO เป็นผู้ประกอบธุรกิจผลิต-จำหน่ายและส่งออก ผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่แปรรูปจากมะพร้าวและผลไม้รายใหญ่ของไทย เช่น กะทิบรรจุกระป๋อง กะทิบรรจุกล่องยูเอชที (UHT) กะทิพาสเจอร์ไรส์ น้ำมะพร้าวบรรจุกระป๋อง น้ำมะพร้าวกล่องยูเอชที (UHT) น้ำมะพร้าวพาสเจอร์ไรส์ ขนมมะพร้าว และอาหารสำเร็จรูป ภายใต้ตราสินค้า Thaicoco, Cocoburi รวมถึงการผลิตสินค้าเพื่อการอุตสาหกรรม

นอกจากนี้ ยังประกอบธุรกิจผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงแบบเปียกเพื่อสุขภาพสำหรับสุนัขและแมวภายใต้ตราสินค้า Moochie โดยสินค้าทั้งสองประเภทมีทั้งแบบ การจำหน่ายภายใต้ตราสินค้าของบริษัทเอง และการรับจ้างผลิตสินค้า (OEM) ซึ่งจัดจำหน่ายทั้งภายในประเทศและต่างประเทศกว่า 90 ประเทศทั่วโลก รวมถึงการเป็นผู้ผลิต จัดจำหน่ายสินค้าอาหารเพื่อสุขภาพจากโปรตีนพืช และผู้ผลิตผลิตภัณฑ์ชีสและเนยประเภทต่างๆ ที่ทำจากพืช 

“จวบจนวันนี้ COCOCO มีความพร้อมสำหรับการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ (SET) เพื่อสร้างความแข็งแกร่งทางธุรกิจให้บริษัทฯ และสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน โดยแผนการระดมทุนของ ไทย โคโคนัท ในครั้งนี้เพื่อ 1. ใช้ขยายกำลังการผลิต ผลิตภัณฑ์จากมะพร้าว (COCOCO) โดยซื้อเครื่องจักรและอุปกรณ์เพื่อผลิตน้ำมะพร้าว เพื่อขยายกำลังผลิตน้ำมะพร้าวจากประมาณ 110,000 ตัน/ปี เป็น 218,000 ตัน/ปี รวมถึงขยายคลังสินค้าเพื่อรองรับการจัดเก็บผลิตภัณฑ์น้ำมะพร้าว, 2. ซื้อเครื่องจักรและอุปกรณ์เพื่อขยายประเภทสินค้าในผลิตภัณฑ์ขนมกินเล่นของสุนัขและแมว, 3. ซื้อเครื่องจักรและอุปกรณ์เพื่อขยายประเภทสินค้าในไอศกรีม, 4. ชำระคืนเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงินของบริษัทฯ และบริษัทย่อย และ 5. ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ (Working Capital) สำหรับการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ และบริษัทย่อย” ดร.วรวัฒน์ กล่าว 

โดย COCOCO มีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง จากผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ในช่วง 3 ปีย้อนหลังปี 2563-2565 พบว่าบริษัทฯ มีรายได้รวม 3,036.33 ล้านบาท 3,481.71 ล้านบาท และ 3,381.16 ล้านบาท ตามลำดับ และมีกำไรสุทธิ 69.46 ล้านบาท 241.88 ล้านบาท และ 302.22 ล้านบาท ตามลำดับ และมีอัตรากำไรสุทธิ 2.29%, 6.95% และ 8.94% ตามลำดับ และในช่วงไตรมาส 1/2566 (ม.ค.-มี.ค.2566) บริษัทฯ มีรายได้รวมอยู่ที่ 859.20 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.36% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/2565 มีรายได้อยู่ที่  839.42 ล้านบาท และมีกำไรอยู่ที่ 66.90 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.55% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/2565 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 61.63 ล้านบาท สะท้อนถึงการเติบโตอย่างต่อเนื่อง

นายเสกสรรค์ ธโนปจัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฟิน พลัส แอดไวเซอรี่ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน บริษัท ไทย โคโคนัท จำกัด (มหาชน) หรือ COCOCO เปิดเผยว่า คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต. ได้นับหนึ่งไฟลิ่ง COCOCO  ขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนครั้งแรก (IPO) จำนวน 370 ล้านหุ้น เป็นที่เรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม 2566 

โดยหุ้นสามัญเพิ่มทุน COCOCO จำนวน 370 ล้านหุ้นดังกล่าว มีมูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท คิดเป็น 25.17% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้ และคาดว่าจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือ SET ในหมวดธุรกิจ (Sector) อาหารและเครื่องดื่ม ภายในปี 2566 

ทั้งนี้ COCOCO มีจุดโดดเด่น คือ ฐานลูกค้าในต่างประเทศ 90 ประเทศทั่วโลก ซึ่งครอบคลุมทุกทวีปทั่วโลก ทั้งในกลุ่มประเทศอเมริกาเหนือและใต้ กลุ่มประเทศยุโรป กลุ่มประเทศเอเชียแปซิฟิก กลุ่มประเทศเอเชียใต้ กลุ่มประเทศตะวันออกกลาง กลุ่มประเทศโอเชียเนีย กลุ่มประเทศแอฟริกา และยังมีฐานลูกค้าในประเทศที่ดำเนินธุรกิจในอุตสาหกรรมอาหารและเป็นตัวแทนการส่งออกสินค้าไปยังต่างประเทศ  รวมถึง COCOCO มีแผนการตลาดเพื่อนำผลิตภัณฑ์ไปจำหน่ายในกลุ่มประเทศใหม่ๆ เพื่อเพิ่มยอดขาย รวมทั้ง การขยายสินค้าใหม่เพิ่มเติมในแต่ละประเทศมากขึ้น 

บริษัทฯ มีรายได้จากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์แปรรูปจากมะพร้าวและผลไม้ และการจำหน่ายอาหารสำเร็จรูปสัตว์เลี้ยงเป็นหลัก โดยจำหน่ายทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยในปี 2563-2565 และงวด 3 เดือนแรกปี 2566 บริษัทมีสัดส่วนรายได้จากการจำหน่ายสินค้าต่างประเทศต่อในประเทศ คิดเป็นสัดส่วนประมาณร้อยละ 83:17 ร้อยละ 85:15 ร้อยละ 79:21 และร้อยละ 79:21 ของรายได้จากการขาย

อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ มีนโยบายจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราไม่น้อยกว่า 40% ของกำไรสุทธิจากงบการเงินเฉพาะกิจการของบริษัทฯ ภายหลังจากหักภาษีเงินได้นิติบุคคลและการจัดสรรทุนสำรองต่าง ๆ ทุกประเภทตามที่ได้กำหนดไว้ในกฎหมายและข้อบังคับของบริษัทฯ

- Advertisement -