บล.ฟิลลิป:
BAY : กำไร 2Q66 ต่ำกว่าคาด
ซื้อ TP’66: 38.00
การซื้อกิจการในเวียดนาม และฟิลลิปปินส์ ถึงแม้ว่าจะทำให้สินเชื่อเร่งตัวขึ้น และมีรายได้ดอกเบี้ยเพิ่มสูงขึ้น แต่ก็ทำให้ NPL เพิ่มขึ้น และทำให้การตั้งสำรองสูงขึ้นมาก หากเป็นการตั้งครั้งเดียว คาดว่าใน 2H66 ผลประกอบการจะดีกว่า 1H66 ได้ แต่หากมีการตั้งต่อ ทางฝ่ายอาจมีการปรับลดประมาณการกำไรลงได้ โดยยังคงราคาพื้นฐาน 38 บาทไว้ก่อน และยังแนะนำ “ซื้อ”
งบรวม | 2Q66 | 1Q66 | 2Q65 | % y-y | % q-q | 6M66 | 6M65 | % y-y |
กําไร | 8,425 | 8,676 | 7,834 | 7.6 | -2.9 | 47,815 | 33,794 | 41.5 |
EPS | 1.15 | 1.18 | 1.06 | 7.6 | -2.9 | 6.50 | 4.59 | 41.5 |
หมายเหตุ: กำไร = ล้านบาท, EPS = บาท
- กำไร 2Q66 ต่ำกว่าคาด โดยเพิ่มขึ้น 7.6% y-y แต่ลดลง 2.9% q-q: BAY รายงานกำไร 2Q66 8.4 พันลบ. ต่ำกว่าคาดจากการตั้งสำรองสูงกว่าคาด โดยการเข้าซื้อกิจการในเวียดนามและฟิลลิปปินส์ ทำให้รายได้ ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นมาก ทำให้กำไรเติบโต 7.6% y-y แต่การตั้งสำรองเพื่อรองรับกิจการที่ซื้อมาก็ทำให้กำไรลดลง 2.9% q-q ด้วย ถึงแม้ว่ารายได้ดอกเบี้ยจะเพิ่มขึ้นมากก็ตาม
- สินเชื่อโตจากการซื้อกิจการ แต่ NPL ก็เพิ่มขึ้นด้วย: การเข้าซื้อกิจการ SHB Finance ในประเทศเวียดนาม และ HC Consumer Finance ในประเทศฟิลลิปปินส์ ซึ่งเป็นธุรกิจสินเชื่อเพื่อผู้บริโภค ส่งผลให้สินเชื่อเติบโต 2.9% q-q และ 3.2% ytd แต่ NPL ก็เพิ่มขึ้นด้วยเป็น 2.31% จาก 2.26% ในไตรมาสก่อน ซึ่งทำให้ BAY มีการตั้งสำรองเพิ่มขึ้นมากในไตรมาสนี้
- คงประมาณการและราคาพื้นฐาน แต่อาจมีการปรับลง ยังแนะนำ “ซื้อ”: ยังคงประมาณการกำไรปี 66 ไว้ที่ 34.9 พันลบ. เพิ่มขึ้น 13.8% y-y และยังคงราคาพื้นฐาน 38 บาท แต่ทางฝ่ายอาจมีการปรับลง หาก BAY จะยังคงตั้งสำรองสูงต่อเพื่อรองรับความเสี่ยงจากกิจการในต่างประเทศ ซึ่งสูงกว่าที่ทางฝ่ายคาดไว้เดิม แต่หาก 2Q66 เป็นการตั้งครั้งเดียว มองว่าใน 2H66 ผลประกอบการน่าจะสูงกว่า 1H66 ได้ ยังแนะนำ “ซื้อ”