ติดตามการเลือกนายกฯในวันที่ 27 ส.ค. แต่เชื่อว่าตลาดรู้ไปบ้างแล้ว

Market Update

ตลาดหุ้น Dow Jones คืนงันศุกร์ทรงตัว หลังจากก่อนหน้าปรับขึ้นมาร้อนแรง ทำสถิติขาขึ้นยาวนานสุดในรอบ 6 ปี ด้านราคาน้ำมันดิบ BRT บวก 1.8% ได้แรงหนุนจากปริมาณน้ำมันดิบจะตึงตัวในครึ่งปีหลัง รวมถึงจีนเตรียมออกมาตรการกระตุ้น

Market Outlook

สัปดาห์นี้ปัจจัยสําคัญในประเทศได้แก่ การเลือกนายกรัฐมนตรีในวันที่ 27 ก.ค. ข้อมูลล่าสุดพรรคก้าวไกลได้ระบุว่า เปิดทางในพรรคเพื่อไทยขึ้นมาเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งล่าสุดพรรคเพื่อไทยระบุว่าอยู่ในระหว่างพูดคุยกับพรรคภูมิใจไทย พรรครวมไทยสร้างชาติ เพื่อร่วมกันจัดตั้งรัฐบาล อย่างไรก็ตาม หากพรรคเพื่อไทยจับมือกับพรรคภูมิใจไทยและพรรครวมไทยสร้างชาติก็มีความเป็นไปได้ที่พรรคก้าวไกลจะไม่ได้อยู่ในการจัดตั้งรัฐบาล เนื่องจากภูมิใจไทยระบุชัดเจนว่าไม่ต้องการร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคก้าวไกล ทั้งนี้หากวันที่ 27 ก.ค. ได้นายกรัฐมนตรี เชื่อว่าตลาดหุนมีโอกาสตอบรับเชิงบวกระยะสั้น แต่ไม่ได้คาดหวัง Upside ที่เยอะ สาเหตุเพราะเชื่อว่า SET INDEX รับรู้มาระดับนึง สะท้อนผ่านราคาหุ้น ADVANC GULF SIRI SC STEC และ SET ที่ปรับขึ้นมา 4.4% จากจุดต่ำสุด

สำหรับปัจจัยต่างประเทศ ปัจจัยสําคัญ ได้แก่ การประชุม FED ทราบผลทางการในวันพฤหัสช่วงเช้าเวลาประเทศไทย CME FED Watch ให้น้ำหนัก 99.2% ที่ FED จะปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.25% อย่างไรก็ดี มองว่าประเด็นด้านดอกเบี้ยมีผลมาก แต่ถ้อยแถลงของประธาน FED ต่อแนวโน้มดอกเบี้ยและเงินเฟ้อจากนี้จะมีผลมากกว่า ยิ่งเราเชื่อว่ามีโอกาสที่ประธาน FED จะส่งสัญญาณผ่อนคลายนโยบายการเงิน (Dovish) อาจไม่ถึงขั้นประกาศลดดอกเบี้ย แต่ก็เชื่อว่าจะไม่ส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยมากกว่าที่ตลาดประเมินไว้ ด้วยเหตุผลดังนี้ (1) เงินเฟ้อหรัฐฯ ทั้งเงินเฟ้อพื้นฐานและเงินเฟ้อทั่วไปปรับลงต่อเนื่อง และเงินเฟ้อพื้นฐานปรับลงมาต่ำกว่าระดับ 5% นับเป็นครั้งแรกในรอบ 7 เดือน (2) FED ปรับขึ้นดอกเบี้ยจนสูงกว่าระดับเงินเฟ้อ และส่งผลให้ส่วนต่างระหว่างดอกเบี้ยและเงินเฟ้อสูงกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลังในรอบ 53 ปี (3) ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐเริ่มส่งสัญญาณอ่อนแอ อาทิ PMI, ใบขออนุญาตก่อสร้าง

ปัจจัยติดตามอื่นๆ ได้แก่ ตัวเลขการค้าระหว่างประเทศของไทย Bloomberg Consensus คาดการณ์รายงานในกรอบวันที่ 24 – 28 ส.ค. โดยคาดมูลค่าส่งออก (-6.3%YoY) นำเข้า (-7.5%YoY)

ประเมิน SET สัปดาห์นี้เคลื่อนไหวในกรอบ 1520-1550 เชิงกลยุทธ์การลงทุน มองบวกกับตลาด ระยะสั้นหนุนจากการเลือกนายกฯ และคาดถึงการผ่อนคลายจากทางประธาน FED แนะกลุ่มน้ำมัน (PTTEP) ค้าปลีก (BJC CRC CPALL HMPRO) ท่องเที่ยว (AOT CENTEL ERW MINT SPA) ศูนย์การค้า (CPN) ขนส่ง (BEM) โรงพยาบาล (BDMS) โรงไฟฟ้า (BGRIM GPSC GULF)

หุ้นแนะนำซื้อวันนี้

GULF (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 58.00 บาท) คาดว่ากําไรจะดีขึ้นต่อเนื่อง QoQ ในไตรมาส 2/23 จากการรับรู้รายได้ของโครงการ GPD หน่วยที่ 1 (662.5MW จากทั้งหมด 2,650MW) อัตรากำไรกลุ่ม SPP ที่ฟื้นตัว หลังจากราคาก๊าซ (pool gas) ลดลง เราคาดว่าต้นทุนก๊าซใช้ในโครงการ SPP ของบริษัทจะลดสู่ระดับราว 450 บาท/MMBTU ภายในไตรมาส 2/23 และ 350 บาท/MMBTU ภายในไตรมาส 4/23 ซึ่งจะทำให้มีอัตรากำไรที่กลับสู่ระดับปกติ

AOT (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 82.00 บาท) ภาพรวมผลประกอบการงวด FY3Q23 (เม.ย.-มิ.ย.) แม้ว่าจะเริ่มเข้าสู่ช่วง Low Season ของการเดินทาง แล้วเห็นได้จากอ่านวนผู้โดยสารในเดือน เม.ย. พ.ศ. ที่ลดลงเมื่อเทียบกับเดือน มี.ค. (เฉลี่ย 8.5 ล้านคนเทียบ กับ 8.8 ล้านคน) แต่ในแง่ของรายได้ เราคาดว่าจะเห็นการเติบโตขึ้นได้เพราะสิ้นสุดมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการในสนามบินแล้ว โดยเฉพาะส่วนแบ่งผลประโยชน์จากการขายสินค้าของทางคิงพาวเวอร์ที่จะหันมาใช้อัตราใหม่แล้ว ซึ่งจะทำให้รายได้ในส่วนดังกล่าวปรับตัวเพิ่มขึ้นได้อย่างมาก ( FY2Q23 ส่วนแบ่งผลประโยชน์อยู่ที่ระดับ 2,800 ลบ.)

- Advertisement -