บล.ฟิลลิป:
KTC: กำไร 2Q66 ลดลง แต่เป้ายังได้
ซื้อ TP’66: 68.00
กำไร 2Q66 ลดลงทั้ง y-y และ q-q จากต้นทุนดอกเบี้ย การตั้งสำรอง และค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตามยังเป็นไปตามเป้า ทั้งการปล่อยสินเชื่อ ยอดใช้จ่ายผ่านบัตร และการเติบโตของกำไร ยังคงประมาณการกำไร และราคาพื้นฐาน 68 บาท มองว่าช่วงที่เหลือของปีจะยังเติบโตต่อได้จากกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวต่อเนื่อง ยังคงแนะนำ “ซื้อ”
งบรวม | 2Q66 | 1Q66 | 2Q65 | % y-y | % q-q | 6M66 | 6M65 | % y-y |
กําไร | 1,803 | 1,872 | 1,894 | -4.6 | -3.5 | 3,678 | 3,641 | 1.0 |
EPS | 0.70 | 0.73 | 0.73 | -4.6 | -3.5 | 1.43 | 1.41 | 1.0 |
หมายเหตุ: กำไร = ล้านบาท, EPS = บาท
- กำไร 2Q66 ลดลง 4.6% y-y และ 3.5% q-q: KTC รายงานกำไร 2Q66 1.8 พันลบ. ต่ำกว่าคาดจากหนี้สูญได้รับคืนต่ำกว่าคาด โดยกำไรในไตรมาสนี้ลดลง 4.6% y-y และ 3.5% q-q ถึงแม้ว่ารายได้ดอกเบี้ย และรายได้ ค่าธรรมเนียมจะเพิ่มขึ้นตามการเพิ่มขึ้นของสินเชื่อ แต่ต้นทุนทางการเงิน การตั้งสำรอง และค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น ทำให้กำไรลดลง
- เป้าหมายทางการเงินยังเป็นไปตามเป้า: เป้าหมายทางการเงินต่างๆ ยังเป็นไปตามที่ตั้งไว้ โดยสินเชื่อ 1H66 เติบโต 11.1% จากเป้าที่ตั้งไว้ 15% ยอดใช้จ่ายผ่านบัตรเติบโต 16.3% เกินกว่าเป้าที่ตั้งไว้ 10% การเติบโตของสินเชื่อส่วนบุคคลเติบโต 6.8% ใกล้เคียงเป้าที่ตั้งไว้ที่ 7% แล้ว และเป้ากำไรสูงกว่าปี 65 ที่มีกำไร 7,079 ลบ. โดย 1H66 KTC มีกำไร 3,678 ลบ. แต่ NPL ที่เพิ่มขึ้นเป็น 2% จากเป้าที่ตั้งไว้ว่าจะรักษาระดับ NPL ไว้ไม่ให้เกิน 1.8% แต่ยังเป็นระดับที่บริหารจัดการได้ ประกอบกับ KTC ยังมีสัดส่วนสำรองต่อ NPL สูงถึง 433%
- คงประมาณการ และราคาพื้นฐาน แนะนำ “ซื้อ”: ยังคงประมาณการกำไรปี 66 ไว้ที่ 7.4 พันลบ. เพิ่มขึ้น 4.1% y-y และยังคงราคาพื้นฐาน 68 บาท ได้ประโยชน์จากกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้น และทําให้ยอดใช้จ่ายผ่าน บัตร และสินเชื่อเติบโต ยังคงแนะนำ “ซื้อ”