บล.ฟิลลิป:
KKP: กำาไรต่ำกว่าคาดมาก
ทยอยซื้อ TP’66: 63.00
กำไร 2Q66 ลดลงทั้ง y-y และ q-q และต่ำกว่าที่คาดมาก เนื่องจากการตั้งสำรอง และผลขาดทุนจากการขายทรัพย์สินรอขายเพิ่มขึ้นมากในไตรมาสนี้ KKP มีสินเชื่อเร่งตัวขึ้น แต่ NPL ก็เพิ่มขึ้นด้วย ทางฝ่ายปรับลดประมาณการกำไรปี 66 ลง จากการตั้งสำรองที่สูงกว่าที่คาดไว้เดิม ปรับลดราคาพื้นฐานลงเหลือ 63 บาท เหลือส่วนต่างไม่มาก แต่ปันผลยังน่าสนใจ แนะนํา “ทยอยซื้อ”
งบรวม | 2Q66 | 1Q66 | 2Q65 | % y-y | % q-q | 6M66 | 6M65 | % y-y |
กําไร | 1,411 | 2,085 | 2,033 | -30.6 | -32.3 | 3,496 | 4,089 | -14.5 |
EPS | 1.67 | 2.46 | 2.40 | -30.6 | -32.3 | 4.13 | 4.83 | -14.5 |
หมายเหตุ: กำไร = ล้านบาท, EPS = บาท
- กำไร 2Q66 ลดลง 30.6% y-y และ 32.3% q-q: KKP รายงานกำไร 2Q66 1.4 พันลบ. ต่ำกว่าคาดมากจากการตั้งสำรอง และผลขาดทุนจากการขายทรัพย์สินรอขายสูงกว่าคาดมาก และเป็นปัจจัยสำคัญให้กำไรในไตรมาสนี้ ลดลง ถึงแม้ว่าทั้งรายได้ดอกเบี้ยจะเพิ่มขึ้นจากสินเชื่อที่ขยายตัว และผลตอบแทนสินเชื่อที่เพิ่มขึ้นตามอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ และรายได้ค่าธรรมเนียมก็เพิ่มสูงขึ้นด้วยก็ตาม
- สินเชื่อเร่งตัว แต่ NPL ก็เพิ่มขึ้นด้วย: KKP สามารถปล่อยสินเชื่อในไตรมาสนี้ได้ 2.8% q-q และ 5.6% ytd สูงกว่าไตรมาสก่อนที่ปล่อยได้ 2.7% โดยสินเชื่อที่โตเด่นมาจากสินเชื่อธุรกิจที่เติบโต 6.8% q-q ในขณะที่สินเชื่อรายย่อยเติบโต 3% แต่ KKP ก็มี NPL เพิ่มขึ้นด้วยเป็น 3.6% จาก 3.3% ในไตรมาสก่อน และผลขาดทุนจากการขายรถยึดทําให้ในไตรมาสนี้ KKP มีการตั้งสำรองเพิ่มสูงขึ้นมาก
- ปรับลดประมาณการ และราคาพื้นฐาน ปรับคำแนะนำลงมาเป็น “ทยอยซื้อ” : จากการตั้งสำรองที่สูงกว่าที่คาดไว้ เดิม ทางฝ่ายปรับเพิ่มประมาณการการตั้งสำรองขึ้น ส่งผลให้ประมาณการกำไรปี 66 ลดลงเหลือ 6.6 พันลบ. ลดลง 13.4% y-y และปรับลดราคาพื้นฐานลงเหลือ 63 บาท เหลือส่วนต่างไม่มาก แต่ KKP มีปันผลเด่นถึงแม้ว่า จะปรับลดประมาณการเงินปันผลลงมาเหลือ 2.85 บาท น้อยกว่าที่คาดไว้เดิมที่ 3.80 บาท แต่ก็ยังเป็นอัตรา ผลตอบแทน4.7% ปรับคําแนะนําเป็น “ทยอยซื้อ”