บล.ฟิลลิป:
KBANK : การปรับปรุงคุณภาพสินทรัพย์ กระทบการเติบโต
ซื้อ TP’66: 165.00
แม้สินเชื่อ 2Q66 จะหดตัว แต่ผลตอบแทนสินเชื่อที่เพิ่มขึ้นจากการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ ทำให้กำไรยังเติบโตได้ สินเชื่อที่หดตัวลงส่วนหนึ่งเป็นเพราะความพยายามในการปรับปรุงคุณภาพสินทรัพย์ ซึ่งอาจจะทำให้การปล่อยสินเชื่อในปีนี้ไม่ถึงเป้าที่ตั้งไว้ มีการบันทึก NPL จากลูกค้ารายใหญ่ และการตั้งสำรองน่าจะยังคงสูงต่อเนื่องไปอีก อย่างไรก็ตาม ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น ราคาพื้นฐาน 165 บาท แนะนำ “ซื้อ”
งบรวม | 2Q66 | 1Q66 | 2Q65 | % y-y | % q-q | 6M66 | 6M65 | % y-y |
กําไร | 10,994 | 10,741 | 10,794 | 1.9 | 2.4 | 21,735 | 22,005 | -1.2 |
EPS | 4.64 | 4.53 | 4.56 | 1.9 | 2.4 | 9.17 | 9.29 | -1.2 |
หมายเหตุ: กำไร = ล้านบาท, EPS = บาท
- กำไร 2Q66 เพิ่มขึ้น 1.9% y-y และ 2.4% q-q: KBANK รายงานกำไร 2Q66 11 พันลบ. ต่ำกว่าคาดจากการตั้งสำรองที่สูงกว่าคาด โดยถึงแม้ว่าสินเชื่อจะยังหดตัว แต่การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ทำให้รายได้ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น ทำให้กำไรยังเพิ่มขึ้น 1.9% y-y และ 2.4% q-q
- สินเชื่อยังหดตัว และ NPL ยังเพิ่มขึ้น: ความพยายามปรับปรุงคุณภาพสินทรัพย์ โดยมีทั้งการการปรับโครงสร้าง หนี้ การขายหนี้ และการตัดหนี้สูญทำให้สินเชื่อยังคงหดตัว 0.2% q-q และ 1.8%ytd และเป็นไปได้ที่ปี 66 KBANK จะปล่อยสินเชื่อได้ต่ำกว่าเป้าที่ตั้งไว้ที่ 5 – 7% ไตรมาสนี้ KBANK มี NPL เพิ่มสูงขึ้นเป็น 3.2% จาก 3.04% ในไตรมาสก่อน จากการบันทึก NPL ของ STARK แม้จะมีการตั้งสำรองเต็มจำนวนแล้วตั้งแต่ 1Q66 อย่างไรก็ตาม ทาง KBANK ได้ให้ข้อมูลว่าการตั้งสำรองในปี 66 อาจจะสูงต่อเนื่องไปในช่วงที่เหลือของปี และการกลับมาตั้งสำรองในระดับปกติที่ 1.4 – 1.6% ของสินเชื่อรวมอาจจะเลื่อนออกไปจนถึงปี 68 จากเดิมที่จะกลับมาตั้งในระดับนี้ในปี 67
- คงประมาณการ และราคาพื้นฐาน แนะนำ “ซื้อ” : ยังคงประมาณการกำไรปี 66 ไว้ที่ 39 พันลบ. เพิ่มขึ้น 8.8% y-y และยังคงราคาพื้นฐาน 165 บาท ยังมีส่วนต่างเหลือพอสมควร และ KBANK ยังได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยขาขึ้น โดย 1H66 ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ 3.54% และทั้งปีน่าจะสูงกว่าเป้าที่ตั้งไว้ที่ 3.3 – 3.45% ยังคงแนะนำ “ซื้อ”