บล.ฟิลลิป:
กลุ่มธนาคาร (BANK) มีความเสี่ยง NPL แต่ยังได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยขาขึ้น (ลงทุนมากกว่าตลาด)
- กำไร 2Q66 ของกลุ่มธนาคารเพิ่มขึ้นทั้ง y-y และ q-q: กลุ่มธนาคารที่ทางฝ่ายทำการศึกษามีกำไร 2Q66 รวมกัน 61 พัน ลบ. เพิ่มขึ้น 18% y-y และ 3% q-q จากรายได้ดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นตามการเพิ่มขึ้นของสินเชื่อ และการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ และกำไรจากเงินลงทุนเพิ่มสูงขึ้น แต่มีบางธนาคารที่มีการตั้งสำรองเพิ่มสูงขึ้น
- สินเชื่อโต แต่ NPL ก็เพิ่มด้วย: สินเชื่อของกลุ่มเร่งตัวขึ้น โดยเพิ่มขึ้น 0.98% q-q จากไตรมาสก่อนที่หดตัว 0.38% q-q โดยสินเชื่อหลักที่เติบโตคือสินเชื่อรายใหญ่ แต่อย่างไรก็ตาม NPL ของกลุ่มก็เพิ่มสูงขึ้นด้วยเป็น 2.90% จาก 2.88% ในไตรมาสก่อน ในขณะที่การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยยังส่งผลดีต่อส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยให้เพิ่มขึ้นเป็น 3.45% จาก 3.29% ในไตรมาสก่อน
- ยังคงน้ำหนัก “ลงทุนมากกว่าตลาด”: NPL ที่เพิ่มขึ้นในหลายธนาคาร และมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นต่อ เป็นแรงกดดันให้กลุ่มธนาคารอาจจะยังมีการตั้งสำรองสูงต่อเนื่องในช่วงที่เหลือของปี อย่างไรก็ตาม ยังมองว่ากลุ่มธนาคารจะยังคงได้ประโยชน์จากอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น จึงยังคงน้ำหนัก “ลงทุนมากกว่าตลาด” เช่นเดิม และยังคงเลือก BBL เป็น Top pick ของกลุ่ม จากสินเชื่อส่วนใหญ่เป็นสินเชื่อขนาดใหญ่ความเสี่ยงต่ำกว่าประเภทอื่น และกลับมามีสัดส่วนสำรองต่อ NPL สูงที่สุดในกลุ่ม