รอติดตามผลประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ ในคืนนี้
Market Update
ตลาดหุ้น Dow Jones เมื่อคืนปิดบวกเล็กน้อย (+0.08%) ภาพรวมไม่ได้มีปัจจัยที่มีนัยยะสำคัญ เป็นเพียงแรงซื้อปกติ ด้านราคาน้ำมันดิบ BRT ปิดบวก 1.1% ตลาดยังคงคาดหวังถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากจีน
Market Outlook
เมื่อคืนที่ผ่านมา สหรัฐฯ รายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคจากสถาบัน CB ที่ 117 ดีกว่าที่ Bloomberg Consensus ประเมินไว้ที่ 112.1 นับเป็นระดับที่สูงสุดตั้งแต่ช่วง ก.ค. 2021 โดยดัชนีความคาดหวังปรับขึ้นมาสูงกว่าระดับ 80 การที่สูงกว่าระดับ 80 บ่งชี้ว่าภาวะเศรษฐกิจถดถอยมีโอกาสสูงที่จะเกิดขึ้นในปีหน้า แม้ว่าอัตรา ดอกเบี้ยจะสูงขึ้น แต่ผู้บริโภคก็มีทัศนคติที่ดีขึ้น จากเงินเฟ้อที่ลดลง รวมไปถึงตลาดแรงงานที่ยังตึงตัวถึงแม้ว่าจะยังไม่ค่อยมั่นใจต่อภาวะเศรษฐกิจข้างหน้า โดยความเชื่อมั่นที่ปรับดีขึ้นเป็นผลจากผู้บริโภคประเมินถึงเงินเฟ้อที่ปรับลง และตลาดแรงงานที่ยังแข็งแกร่ง ภายหลังจากรายงานตัวเลขเศรษฐกิจที่ค่อนข้างดี พบว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯอายุ 2 และ 10 ปีปรับขึ้นอีกครั้ง และล่าสุด CME FED Watch ให้น้ำหนักราว 98.3% ที่ FED จะปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมคืนนี้ อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าการปรับขึ้นดอกเบี้ยเป็นสิ่งที่ตลาดประเมินไว้แล้ว แต่ถ้อยแถลงของประธาน FED เป็นปัจจัยที่สำคัญกว่า เราประเมินว่าท่าทีของประธาน FED ยังมีโอกาสส่งสัญญาณในทางเข้มงวดเล็กน้อย เนื่องจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับขึ้นมา ประกอบกับความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ยังอยู่ระดับสูง แต่ก็ เชื่อว่าจะไม่ถึงกับเข้มงวดมากด้วย เพราะว่าตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ อย่างภาคอสังหาก็เริ่มเห็นสัญญาณอ่อนแรง สะท้อนผ่านการปรับลงของใบขออนุญาตก่อสร้าง รวมไปถึงดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อที่ปรับลงต่อเนื่อง
ส่วนปัจจัยในประเทศ วานนี้ประธานสภาระบุชัดเจนได้พิจารณาเลื่อนการเลือกนายกรัฐมนตรีจากวันที่ 27 ก.ค. ออกไปก่อน เพื่อต้องการหลีกเลี่ยงความขัดแย้ง หลังจากผู้ตรวจการแผ่นดินส่งเรื่องถึงศาลรัฐธรรมนูญ ล่าสุดศาลรัฐธรรมนูญระบุใช้เวลา 7 วันสำหรับการพิจารณาปมโหวดคุณพิธาเป็นนายกรัฐมนตรีรอบสอง ปัจจัยข้างต้นมองเป็นแรงกดดันต่อตลาดหุ้นไทย จากความล่าช้าของการเลือกนายกรัฐมนตรี
วันนี้ประเมิน SET เคลื่อนไหวในกรอบ 1520 – 1535 เชิงกลยุทธ์การลงทุนเน้นเพียงแค่ Trading เรามองตลาดรับรู้ปัจจัยบวกทั้งผ่อนคลายดอกเบี้ยและการเมืองไปมากแล้ว ส่วนหุ้นแนะนำระยะสั้นเลือกกลุ่มน้ำมัน ( PTTEP) โรงกลั่น (BCP SPRC TOP) โรงไฟฟ้า (BGRIM GPSC GULF) ท่องเที่ยว (AOT CENTEL ERW MINT) ค้าปลีก (BJC CRC CPALL HMPRO) ศูนย์การค้า (CPN) ขนส่ง (BEM)
หุ้นแนะนำซื้อวันนี้
PTTEP (ถือ / ราคาเป้าหมาย 162.00 บาท) คาดกำไรสุทธิไตรมาส 2/23 ที่ 2.02 หมื่นล้านบาท (-2.0% YoY, +4.7% QoQ) แม้ปริมาณขายและราคาขายเฉลี่ยจะอ่อนแอ แต่กำไรสุทธิจะได้แรงหนุนจากภาษีจ่ายที่ลดลงและกำไรพิเศษ US$40.0 ล้าน จากการป้องกันความเสี่ยงและอัตราแลกเปลี่ยน (FX) เราปรับมามองบวกต่อภาพรวมในครึ่งหลังปี 2023 เพราะการที่ OPEC+ ลดการผลิตลงอาจดันราคาน้ำมันดิบขึ้นเหนือ US$80/บาร์เรล ปริมาณขายก็จะฟื้นตัวขึ้นจากการเร่งการผลิตโครงการเอราวัณ G1/61 เป็น 400 mmcfd ภายในสิ้นปีนี้ (2 เท่าจากปัจจุบัน)
SPRC (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 11.50 บาท) คาดถึงผลขาดทุนสุทธิที่ 2.1 พันล้านบาทในไตรมาส 2/23 ลดจากกำไร 7.2 พันล้านบาทนไตรมาส 2/22 และ 1.2 พันล้านบาทในไตรมาส 1/23 อุดจากค่าการกลั่นที่อ่อนแอและขาดทุนสต็อกน้ำมัน ขณะที่ประเมินว่าค่าการกลั่นตลาดจะลดเหลือ US$2.1/บาร์เรล หรือหดตัว 89% YoY และ 67% QoQ หลังจากส่วนต่างราคาน้ำมันชนิดกลางอ่อนตัวลง เพราะสภาวะอุปทานล้นตลาด ส่วนภาพรวมครึ่งหลังปี 2023 ยังสดใส เพราะคาดว่ากำไรจะฟื้นตัวจากขาดทุนในไตรมาส 2/23