วันนี้คาดตลาด “Sideways”

แนวรับ 1,520 / 1,507 แนวต้าน 1,535 / 1,540 คืนนี้ติดตามการประชุม FED เป็นสำคัญ คาดอาจส่งผลให้ตลาดผันผวนได้บ้าง ขณะที่การเมืองในประเทศยังคงมีความไม่แน่นอนเป็นปัจจัย Overhang ตลาดหุ้นไทยได้อยู่

Our View? “รอฟังเสียงพี่เจอโรม”

คาดตลาดวันนี้ “Sideways” มองแนวรับที่บริเวณ 1,520 / 1,507 และแนวต้านที่บริเวณ 1,535 / 1,540 มองตลาดจะติดตามผลการประชุม FOMC ของธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ในคืนนี้ คาดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25% สู่ระดับ 5.50% หลังจากระงับการขึ้นไปในช่วงก่อนหน้า คาดตลาดรับรู้ประเด็นดังกล่าวไปบ้างในระดับหนึ่งแล้ว จาก CME FED Watch Tools บ่งชี้ตลาดคาดการณ์ถึงการขึ้นอัตราดอกเบี้ยดังกล่าวมากกว่า 98% ขณะที่ เราแนะนำติดตามการส่งสัญญาณปรับใช้นโยบายทางการเงินในระยะถัดไป ว่าจะเริ่มการยุติการขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งหน้าหรือตั้งแต่ช่วง 4Q’66 และจะคงอัตราดอกเบี้ยสูงสุดต่อไปยาวนานมากน้อยเพียงใด ซึ่งเป็นสิ่งที่ตลาดยังไม่ Price-In ไปลงมาก เราคาดจะสร้างความผันผวนให้ตลาดได้บ้างในระยะสั้น อย่างไรก็ดี การฟื้นตัวขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ (US Bond Yield) พยายามขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ในภาพระยะสั้น โดยรุ่นอายุ 10 ปี ล่าสุดอยู่ที่ระดับราว 3.89%+/- สะท้อนตลาดเริ่มอยู่ในโหมด Risk-off มากขึ้น คาดจะกดดัน Upside ของทิศทางราคาสินทรัพย์เสี่ยงได้บ้าง

ขณะที่เมื่อวานนี้เรามีมุมมองเชิงบวกต่อการที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ปรับเพิ่มคาดการณ์เศรษฐกิจโลกเป็นขยายตัว 3.00% จากคาดการณ์ก่อนหน้าที่ระดับ 2.80% รวมทั้งยังคงคาดการณ์เศรษฐกิจโลกปีหน้าที่ระดับ 3.00% เท่าเดิม จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกแบบค่อยเป็นค่อยไป รวมทั้งคาดการณ์ว่าสงครามรัสเซีย-ยูเครนจะเห็นความคืบหน้าเพิ่มมากขึ้น มองเป็นจิตวิทยาเชิงบวกต่อทิศทางราคาสินทรัพย์เสี่ยงได้บ้างเล็กน้อย ทางด้านราคาสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI. ส่งมอบเดือน ก.ย. เมื่อคืนนี้ยังคงปรับตัวขึ้นได้ต่อ ปิดที่ระดับ 79.63 ดอลลาร์/บาร์เรล +0.89 ดอลลาร์ (+1.13%) ทำจุดสูงสุดใหม่ในภาพระยะสั้นต่อเนื่อง โดยได้รับแรงหนุนจากรัฐบาลจีนส่งสัญญาณในการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ผ่านการสนับสนุนภาคอสังหาริมทรัพย์จีนควบคู่ไปกับการกระตุ้นการอุปโภคบริโภคภายในประเทศ คาดจะส่งผลให้อุปสงค์น้ำมันดิบในจีนพื้นตัวขึ้นได้ต่อ ขณะที่เรายังมองอุปทานน้ำมันดิบยังค่อนข้างตึงตัวจากการที่กลุ่ม OPEC นำโดยซาอุดิอาระเบียและรัสเซียยังลดอุปทานน้ำมันลงต่อเนื่อง เรามองเป็นปัจจัยบวกหนุนทิศทางหุ้นในกลุ่มพลังงาน โดยเฉพาะกลุ่มพลังงานต้นน้ำ (PTTEP, TOP และ SPRC) ฟื้นตัวขึ้นได้ต่อ

ในส่วนของปัจจัยภายในประเทศ เรายังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อการจัดตั้งรัฐบาลที่ล่าช้ากว่าที่คาดไว้มาก จากการที่ผู้ตรวจการแผ่นดินมีมติส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยกรณีการเสนอชื่อคุณพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่? โดยเราคาดว่าศาลรัฐธรรมนูญอาจใช้เวลาในระยะหนึ่ง เพื่อตัดสินใจรับ-ไม่รับคําร้องดังกล่าว ซึ่งทำให้การโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีล่าช้าออกไปเกินกว่าที่ตลาดคาดว่าจะเกิดขึ้นในวันที่ 27 ก.ค. นี้ เรามองความล่าช้าในการจัดตั้งรัฐบาล คาดจะส่งผลให้การจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจําปีล่าช้า รวมทั้งการออกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งการลงทุนจากภาครัฐ และการกระตุ้นการบริโภคล่าช้าออกไปต่อ ลดทอนความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติ เป็นปัจจัย Overhang ทิศทางตลาดหุ้นไทยได้ต่อ อีกทั้งเรายังคงมุมมองที่คาดหากพรรคก้าวไกลไม่สามารถเป็นแกนนําหลักในการจัดตั้งรัฐบาลได้ ทำให้เราคาดว่าบรรยากาศการเมืองนอกสภาจะมีความวุ่นวายผ่านการชุมนุมทางการเมืองต่างๆ เพิ่มมากขึ้น คาดส่งผลกระทบต่อภาคการท่องเที่ยวที่ยังคงเป็นเครื่องยนต์หลักในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยในปีนี้  รวมทั้งการที่เศรษฐกิจจีนฟื้นตัวช้ากว่าที่ตลาดประเมินไว้ คาดจะส่งผลให้การเดินทางออกท่องเที่ยวต่างประเทศโดยเฉพาะอาเซียนรวมถึงไทยที่พึ่งพานักท่องเที่ยวจีนในระดับสูงได้รับผลกระทบ โดยอาจเห็นการปรับประมาณการนักท่องเที่ยวจีนลง และเป็นจิตวิทยาเชิงลบต่อหุ้นในกลุ่มท่องเที่ยว-โรงแรม (AOT, AAV, BA, CPN, MINT, ERW และ CENTEL) ได้

ธีมการลงทุน “Selective Play”

หุ้นแนะนำวันนี้ “OR”

  • มองผลประกอบการ 2Q’66 ยังทำได้ดี จากการที่ค่าการตลาดยังอยู่ในระดับสูง แต่แรงกดดันจากค่าการตลาดในช่วงที่คุ้มราคาน้ำมันดีเซลไม่เกิน 35 บาท / ลิตร หมดไป
  • ทางเทคนิค ราคาอยู่ในกรอบทิศทางแนวโน้มขาขึ้นพยายามทำจุดสูงสุดใหม่ ในภาพระยะสั้น เครื่องมือทางเทคนิค MACD และ SSTO ให้สัญญาณซื้อ
  • กลยุทธ์ แนวรับ 21.40 / 21.00 Target 22.00 / 22.60 Stop <20.60

- Advertisement -