KS Daily View 26.07.2023 >>> รอผลการประชุม Fed ว่าจะมีการส่งสัญญาณถึงนโยบายการเงินในระยะถัดไปอย่างไร? ประเมินกรอบซื้อขายวันนี้ 1,520/1,535 หุ้นแนะนำวันนี้ ANAN EGCO

สรุปภาวะตลาดเมื่อวานนี้

ต่างประเทศ: ดัชนี DJIA +0.08%, S&P 500 +0.28%, NASDAQ +0.61% โดย Sector ที่ outperform ใน S&P500 ได้แก่ Materials (+1.76%), Information technology (+1.19%), Energy (+0.57%) ขณะที่ Real Estate (-0.74%), Financials (-0.73%), Consumer Discretionary (-0.23%)

ในประเทศ: SET Index +2.49 pts. หรือ +0.16% ปิดที่ 1,526.30 จุด ตัวขับเคลื่อนหลักสำคัญคือ PTT (+1.45%), MINT (+4.84%), SCGP (+3.90%), DELTA (+0.46%) ขณะที่ CPALL (-1.98%), CPAXT (-2.19%), EGCO (-6.91%), RATCH (-5.37%)

แนวโน้มตลาดหุ้นในประเทศ:

มองดัชนีแกว่งตัวในกรอบรอพิจารณาผลการประชุมของ Fed คืนนี้ว่าจะมีการขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายตามคาดหรือไม่ และจะมีการส่งสัญญาณถึงทิศทางนโยบายการเงินในอนาคตอย่างไร ขณะที่ด้านการเมืองในประเทศอาจต้องใช้เวลาอีกราว 1 สัปดาห์ในการรอผลมติศาลรัฐธรรมนูญว่าจะรับคำร้องไว้วินิจฉัยหรือไม่ ถึงกรณีข้อบังคับที่ประชุมสภาขัดกฏหมายรัฐธรรมนูญ มองกรอบซื้อขายวันนี้ที่ 1,520/1,535 จุด

ประเด็นสำคัญที่เป็นกระแสในช่วงนี้และมีผลต่อการลงทุน:

1.) นายวรวิทย์ กังศศิเทียม ประธานศาลรัฐธรรมนูญ เปิดเผยว่า ผู้ตรวจการแผ่นดินเพิ่งยื่นคำร้องผ่านระบบอิเลคทรอนิคส์ ถึงศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งหลังจากรับเรื่องแล้วเจ้าหน้าที่จะใช้เวลาในการตรวจสอบความถูกต้อง 2 วัน แล้วส่งให้ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญชุดเล็กพิจารณาว่าจะรับคำร้องไว้วินิจฉัยหรือไม่ และใช้เวลาในการพิจารณาอีก 5 วัน รวมยึดขั้นตอนตามกฎหมาย ใช้เวลาพิจารณา 7 วันรู้ผล

2.) สำนักข่าวรายงานบทความของนักวิชาการภาคปศุสัตว์สะท้อนปัญหาอุปสรรคภาคปุศัตว์ไทย ที่ยังต้องเผชิญความยากลำบาก ล่าสุดราคาวัตถุดิบอาหารสำคัญจ่อพุ่งสูงขึ้นอีก จากผลต่อเนื่องของสงครามรัสเซีย-ยูเครนที่ยังยืดเยื้อผนวกกับปัญหาเอลนีโญ ขณะที่ราคาหมูดิ่งจากหมูเถื่อน เนื่องจากต้นทุนที่สูงของหมูไทยจึงเป็นช่องว่างให้หมูเถื่อนเข้ามาในตลาด มองเป็น sentiment ลบกับกลุ่มปศุสัตว์ (CPF BTG GFPT)

3.) นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทยเผยราคาข้าวพุ่งสูงสุดในรอบ 16 ปีแตะตันละ 11,000-11,200 บาท หลังทางรัฐบาลประเทศอินเดียได้มีประกาศแบนการส่งออกข้าวที่ไม่ใช่ข้าวบาสมาติที่มีผลไปตั้งแต่วันที่ 20 ก.ค. มองเป็นบวกอ่อนๆกับกลุ่ม K ขาล่าง เช่น Finance และ Commerce ที่เน้นตลาดต่างจังหวัด

4.) IMF ประกาศปรับเพิ่มคาดการณ์ GDP growth โลกปี 2023 จากเดิมมอง 2.8% เป็น 3.0% ประเมินความเสี่ยงของโลกปรับลดลงหลังสหรัฐฯสามารถหลีกเลี่ยงวิกฤตปัญหาเพดานหนี้สาธารณะและปัญหาวิกฤตธนาคารล้มเมื่อช่วงต้นปี อย่างไรก็ดี GDP growth โลกในปี 2023 ยังเติบโตชะลอตัวลงจาก 3.5% ปี 2022

Theme การลงทุนสัปดาห์นี้

ประเมินตลาดหุ้นไทยแกว่งตัวในกรอบ 1,525 – 1,555 จุด ทั้งนี้ประเมินกว่าตลาดจะแกว่งตัวขึ้นต่อได้จากโอกาสที่ดอกเบี้ยโลกกำลังจะถึงจุดสูงสุดบนแนวโน้มเงินเฟ้อชะลอตัว และคาดจีนจะทยอยออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อเนื่อง ขณะที่ปัจจัยการเมืองในประเทศนักลงทุนเลือกให้น้ำหนักถึงโอกาสที่จะได้รัฐบาลที่มีนโยบายเป็นมิตรกับตลาดทุนมากกว่าที่จะกลัวความเสี่ยงกรณีเกิดความล่าช้าในการจัดตั้งรัฐบาล โดย Key highlight สัปดาห์นี้จะอยู่ที่การประชุม FOMC คืนวันพุธ รวมถึงการประชุม ECB วันพฤหัสฯ และ BOJ วันศุกร์ สำหรับตัวเลขเศรษฐกิจไทยที่ต้องติดตามในสัปดาห์หน้าได้แก่ ตัวเลขส่งออกเดือน มิ.ย., ตัวเลขรายได้ภาคเกษตร และตัวเลขเศรษฐกิจเดือน มิ.ย. ของ ธปท.

หุ้นแนะนำวันนี้ Top pick:

  • ANAN (ราคาพื้นฐาน 1.32 บาท) เรามอง ANAN มีความน่าสนใจสำหรับเก็งกำไรระยะสั้น เนื่องจากศาลปกครองฯ นัดอ่านคำพิพากษา “คดีคอนโดแอสตันอโศก” 27 ก.ค.นี้ เวลา 14:00 น. สุดท้ายหาก ศาลพิพากษาออกมาเป็นประโยชน์ต่อ ANAN คือ ยกฟ้องจะทำให้ความเสี่ยงที่กดดันราคาหุ้นของ ANAN หมดไป และราคาหุ้นอาจจะปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมีนัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อราคาหุ้นมีการปรับตัวลงมามากอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เผชิญกับประเด็นกดดันนี้ อย่างไรก็ดีนักลงทุนควรทราบถึงความเสี่ยงและกำหนดจุดตัดขาดทุนหากเก็งกำไรในประเด็นนี้ ด้านปัจจัยพื้นฐานเราประเมินในเบื้องต้น หากกรณีคำพิพากษาออกมาเป็นบวก เราประเมินบน PBV ที่ +0.5SDV หรือ 0.7x ราคาเป้าหมายจะเพิ่มขึ้นเป็น 1.65 บาท แต่หากคำพิพากษาออกมาเป็นลบ บน PBV ที่ -0.5SDV หรือ 0.42x ราคาเป้าหมายจะปรับลดเป็น 0.99 บาท ซึ่งใกล้เคียงราคาปิดล่าสุด
  • EGCO (ราคาพื้นฐาน 249 บาท) เรามองราคาหุ้นปรับตัวลดลงมากเกินไปวานนี้หลังนักวิเคราะห์ในตลาดปรับลดคาดการณ์กำไรและสมมติฐานลงแรง ขณะที่บางประเด็นเป็นเรื่องเก่าเช่นสมมติฐานเลิกดำเนินการในโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินกวางจิซึ่งบริษัทได้หยุดดำเนินการมาแล้ว 1-2 ปีดังนั้นจึงไม่ควรเป็นเหตุให้ราคาหุ้นปรับลงแรงทำให้เรามองเป็นจังหวะเก็งกำไรระยะสั้น โดยจากราคาหุ้น ณ ปัจจุบันให้อัตราเงินปันผลราว 5.6%

รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ

  • วันพุธ ติตตาม ธปท.มีกำหนดแถลงข่าวตัวเลขเศรษฐกิจรายเดือนประจำเดือน พ.ค. ระหว่างวันที่ 26-27 ก.ค. และกระทรวงอุตสาหกรรมประกาศตัวเลขผลผลิตภาคอุตสาหกรรม (MPI) ตลาดคาดหดตัวต่อ 3.25% YoY เทียบจากเดือนก่อนหน้าที่ลดลง 3.14% YoY ช่วงข้ามคืนติดตามผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ FOMC ตลาดคาด Fed ปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพิ่มขึ้นจาก 5.00% เป็น 5.25%
  • วันพฤหัสบดี ติดตามผลโหวตนายกครั้งที่ 3 ของไทย และผลการประชุมธนาคารกลางยุโรป ECB ตลาดคาดปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพิ่มขึ้นจาก 4.00% เป็น 4.25% ต่อด้วยตัวเลข GDP สำหรับไตรมาส 2/2566 ของสหรัฐฯคาดชะลอตัวลงเหลือ 1.8%  เทียบกับไตรมาสก่อนหน้าที่ 2.0%
  • วันศุกร์ ติดตามผลการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น BOJ ตลาดคาดคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ -0.10% ช่วงข้ามคืนมีประกาศตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ PCE ตลาดคาดปรับตัวลดลงเหลือ 3.1% YoY เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 3.8% YoY และ ตัวเลขดัชนีต้นทุนการจ้างงาน (Employment cost index) ตลาดคาดปรับตัวลดลงเหลือ 1.1% เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 1.2%
- Advertisement -