นายสยาม เตียวตรานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เทิร์นคีย์ คอมมูนิเคชั่น เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ TKC

“บมจ. เทิร์นคีย์ คอมมูนิเคชั่น เซอร์วิส (TKC)” เข้าซื้อหุ้น AIT 24.95% จาก SABUY-ชูเกียรติ-กลุ่มอุ่นทรพันธุ์ จ่ายเป็นหุ้นเพิ่มทุน-เงินสด

TKC บอร์ดอนุมัติเข้าถือ AIT 24.95% จาก SABUY ส่วนหนึ่ง และผู้ถือหุ้นอีก 5 ราย รวมมูลค่า 2,428.46 ล้านบาท พร้อมเพิ่มทุน PP 100 ล้านหุ้น ขายหุ้นละ 25 บาท รวมมูลค่า 2.5 พันล้านบาท ใช้แลกหุ้นกับ SABUY และจัดสรรนักลงทุนเฉพาะอีก 4 ราย จัดประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นขอไฟเขียว วันที่ 9 ตุลาคม 2566 นี้

นายสยาม เตียวตรานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เทิร์นคีย์ คอมมูนิเคชั่น เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ TKC เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติให้เข้าซื้อหุ้น บริษัท แอ็ดวานซ์อินฟอร์เมชั่น เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ AIT รวมทั้งหมด 357,126,471 หุ้น คิดเป็น 24.95% ของจำนวนหุ้นที่ออกและชำแล้วทั้งหมดของ AIT ในราคาหุ้นละ 6.80 บาท คิดเป็นจำนวนเงินรวม 2,428.46 ล้านบาท

โดยบริษัทจะทำรายการซื้อจาก

1. บริษัท สบาย เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ SABUY จำนวน 237,600,000 หุ้น คิดเป็น 16.60% ราคารวมทั้งสิ้นไม่เกิน 1,615.68 ล้านบาท โดยชำระด้วยการออกหุ้นเพิ่มทุนเสนอขายให้แก่บุคคลในวงจำกัด (PP) ให้แก่ SABUY เป็นจำนวน 64,627,200 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 25.00 บาท แทนการชำระด้วยเงินสด

2. นางสาวศศิเนตร พหลโยธิน จำนวน 8,237,515 หุ้น คิดเป็น 0.58% ในราคาซื้อขาย 56.01 ล้านบาท ชำระด้วยเงินสด

3. นายศิณะ อุ่นทรพันธุ์ จำนวน 34,024,631 หุ้น คิดเป็น 2.38% ในราคาซื้อขาย 231.37 ล้านบาท ชำระด้วยเงินสด

4. นางสาวศิณานางค์ อุ่นทรพันธุ์ จำนวน 32,151,840 หุ้น คิดเป็น 2.25% ในราคาซื้อขาย 218.63 ล้านบาท ชำระด้วยเงินสด

5. นางเนตรนภิส อุ่นทรพันธุ์ จำนวน 7,762,485 หุ้น คิดเป็น 0.54% ในราคาซื้อขาย 52.78 ล้านบาท ชำระด้วยเงินสด

6. นายชูเกียรติ รุจนพรพจี จำนวน 37,350,000 หุ้น คิดเป็น 2.61% ในราคาซื้อขาย 253.98 ล้านบาท ชำระด้วยเงินสด

ทั้งนี้ บริษัทจะใช้แหล่งเงินทุนในการชำระค่าหุ้น AIT ด้วยเงินทุนหมุนเวียน 378,460,002.80 บาท  เงินที่ได้รับจากการออกและเสนอขายหุ้นเพิ่มทุน PP จำนวน 434,320,000.00 บาท และชำระค่าตอบแทนให้แก่ SABUY ด้วยหุ้นเพิ่มทุน 64,627,200 หุ้น ในรูปแบบการเสนอขาย PP แทนการชำระด้วยเงินสด

ดังนั้น คณะกรรมการบริษัทจึงมีมติให้เสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อพิจารณาอนุมัติออกและจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนไม่เกิน 100 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท ในราคาเสนอขายหุ้นละ 25 บาท คิดเป็นมูลค่ารวมทั้งสิ้นไม่เกิน 2,500 ล้านบาท เพื่อใช้ชำระเป็นค่าหุ้น AIT ส่วนหนึ่ง ซึ่งคิดเป็น 25% ของจำนวนหุ้นที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทภายหลังการจดทะเบียนเพิ่มทุนชำระแล้ว แทนการชำระด้วยเงินสดให้กับ SABUY ร่วมกับการชำระค่าหุ้นด้วยเงินสด 812,780,002.80 บาท ให้กับผู้ขายทั้งหมดที่เหลือ

บริษัทจะจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนเสนอขาย PP ดังนี้

1. จำนวนไม่เกิน 9,254,700 หุ้น คิดเป็นมูลค่ารวม 231,367,500 บาท ขายให้แก่ นายศิณะ อุ่นทรพันธุ์

2. จำนวนไม่เกิน 8,745,300 หุ้น คิดเป็นมูลค่ารวม 218,632,500 บาท ขายให้แก่ นางสาวศิณานางค์ อุ่นทรพันธุ์

3. จำนวนไม่เกิน 64,627,200 หุ้น คิดเป็นมูลค่ารวม 1,615,680,000 บาท ให้แก่ SABUY แทนการชำระด้วยเงินสด

4. จำนวนไม่เกิน 10,000,000 หุ้น คิดเป็นมูลค่ารวม 250,000,000 บาท ขายให้แก่บริษัท บีซีเอช เวนเจอร์ส จำกัด

5. จำนวนไม่เกิน 7,372,800 หุ้น คิดเป็นมูลค่ารวม 184,320,000 บาท ขายให้แก่ นายปรินทร์ โลจนะโกสินทร์

พร้อมทั้งแต่งตั้งบริษัท สีลม แอ๊ดไวเซอรี่ จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ เพื่อให้ความเห็นต่อผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ ในเรื่องต่าง ๆ เกี่ยวกับธุรกรรมการซื้อหุ้นสามัญของ AIT และธุรกรรมการจัดสรรหุ้นซึ่งเข้าข่ายเป็นรายการได้มาซึ่งสินทรัพย์ของบริษัทจดทะเบียน และกำหนดวันประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2566 ในวันที่ 9 ตุลาคม 2566 เวลา 14.00 น. โดยเป็นการจัดประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ กำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิเข้าร่วมประชุม (Record Date) วันที่ 31 สิงหาคม 2566

ภายหลังที่ธุรกรรมการซื้อหุ้นสามัญของ AIT เสร็จสิ้น จะส่งผลให้ TKC เข้าไปถือหุ้นใน AIT 24.95% ซึ่งไม่ได้ทำให้บริษัทต้องทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของ AIT (Tender Offer) ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าการดำเนินการเข้าทำธุรกรรมจนเสร็จสมบูรณ์ภายในไตรมาสที่ 4 ปี 2566

สำหรับผลประโยชน์ที่คาดว่าจะเกิดกับ TKC บริษัทได้พันธมิตรธุรกิจที่มีความชำนาญด้านธุรกิจเพิ่มเติมมากขึ้น ซึ่งประสบการณ์ดังกล่าวสามารถช่วยให้ TKC มีความแข็งแกร่ง และความพร้อมในการรองรับโครงการในอนาคต เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันจากคู่แข่งรายอื่นๆ และสามารถขยายฐานลูกค้าของธุรกิจทั้งภาครัฐและภาคเอกชนได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ ยังมีโอกาสสร้างผลตอบแทนจากการดำเนินงานของบริษัทฯ มากขึ้น เนื่องจากการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรตามสัดส่วนที่ถือหุ้นใน AIT และกระแสเงินสดรับจากเงินปันผล AIT

- Advertisement -