KS Daily View 31.07.2023 >>> มองตลาดเชิงบวก จีนเตรียมประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจบ่ายนี้ กรอบ SET วันนี้ 1,535/1,560 จุด หุ้นแนะนำวันนี้ HANA, SCGP
สรุปภาวะตลาดเมื่อวันวานนี้
ต่างประเทศ: ดัชนี DJIA +0.50%, S&P 500 +0.99%, NASDAQ +1.90% โดย Sector ที่ outperform ใน S&P500 ได้แก่ Communication Services (+2.30%), Consumer Discretionary (+1.85%), Information Technology (+1.48%) ขณะที่ Utilities (-0.26%), Real Estate (-0.25%)
ในประเทศ: SET Index +18.68 pts. หรือ +1.23% ปิดที่ 1,543.27 จุด ตัวขับเคลื่อนหลักสำคัญคือ EA (+9.13%), GULF (+3.09%), CPN (+3.88%), GPSC (+5.99%) ขณะที่ PTT (-0.71%), OR (-1.40%), BBL (-0.87%), DIF (-2.48%)
แนวโน้มตลาดหุ้นในประเทศ: มองประเด็นหลักวันนี้ตัวขับเคลื่อนสำคัญน่าจะเป็นปัจจัยต่างประเทศโดยเฉพาะในส่วนของข่าวที่รายงานว่าทางการจีนเตรียมแถลงการณ์ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านทางการบริโภคภาคเอกชนในช่วงบ่ายวันนี้ มองกรอบซื้อขายวันนี้ที่ 1,535/1,560 จุด
ประเด็นสำคัญที่เป็นกระแสในช่วงนี้และมีผลต่อการลงทุน:
1.) ช่วงสุดสัปดาห์หยุดยาวต่อเนื่องข่าวการเมืองในประเทศยังสะท้อนความไม่ชัดเจน หลัง ทักษิณ ชินวัตร ประกาศกลับไทยในวันที่ 10 ส.ค. นี้ ด้านที่ประชุมพรรคพลังประชารัฐจะเสนอ ประวิตร วงษ์สุวรรณ กลับเข้ามาเป็นหัวหน้าพรรคใหม่อีกครั้ง โดยมีการแต่งตั้ง พัชรวาท วงษ์สุวรรณ น้องชาย เป็นประธานที่ปรึกษาพรรค ส่วน ธรรมนัส พรหมเผ่า รั้งเก้าอี้เลขาธิการพรรคคนใหม่ ซึ่งกระแสข่าวดังกล่าวจะมีผลต่อการจับขั้วรัฐบาล
2.) ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) แถลงผลการประชุมโดยคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ -0.10% และมาตรการการควบคุมอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลระยะอายุ 10 ปี หรือ Yield Curve Control (YCC) ไว้ที่เป้าหมาย +/-0.50% ตามคาด แต่ประกาศกรอบเป้าหมายดังกล่าวมีไว้สำหรับเพื่ออ้างอิง ไม่ได้กำหนดให้เป็นเพดานตายตัว โดย BOJ จะเข้าเสนอซื้อพันธบัตรรัฐบาลระยะอายุ 10 ปีที่อัตราดอกเบี้ย 1.00% จากระดับเดิมที่ 0.50% หลังการแถลงผลการประชุมส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีของญี่ปุ่นปรับตัวเพิ่มขึ้นทะลุระดับ 0.50% ขึ้นมาซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2557
3.) หลังจากที่ตลาดรอคอยมาอย่างยาวนาน ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาทางการจีนเผยเตรียมแถลงการณ์สำหรับการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านทางการบริโภคภาคเอกชนในช่วงเวลาบ่าย 3 โมงวันนี้ที่ปักกิ่งหรือเวลาราวบ่าย 2 โมงสำหรับเวลาประเทศไทย ทางการจีนเผยกับสำนักข่าวว่ามาตรการอาจประกอบด้วยการกระตุ้นยอดขายรถโดยเฉพาะรถ EV, อุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า, สินค้าอิเล็กโทรนิกส์, การต่อเติมตกแต่งบ้าน, การเข้าถึงสินเชื่อและการซื้ออสังหาฯ รวมถึงการจับจ่ายบริโภคของภาคเอกชนในต่างจังหวัด
Theme การลงทุนสัปดาห์นี้
ประเมินตลาดหุ้นไทยแกว่งตัวขึ้นต่อในกรอบ 1,535 – 1,560 จุด จากแรงหนุนของโอกาสที่ดอกเบี้ยโลกกำลังจะถึงจุดสูงสุดบนแนวโน้มเงินเฟ้อชะลอตัว การออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีน รวมถึงปัจจัยการเมืองในประเทศที่กำลังจะได้รัฐบาลหลังประธานสภาส่งหนังสือแจ้งสมาชิกรัฐสภา นัดประชุม โหวตนายกฯรอบสาม 4 ส.ค. ทั้งนี้นักลงทุนเลือกให้น้ำหนักถึงโอกาสที่จะได้รัฐบาลที่มีนโยบายเป็นมิตรกับตลาดทุนมากกว่าที่จะกลัวความเสี่ยงกรณีเกิดความล่าช้าในการจัดตั้งรัฐบาล โดย Key highlight สัปดาห์นี้จะอยู่ที่ การประชุม กนง.ของไทยวันพุธ, การวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญว่าจะรับหรือไม่รับพิจารณากรณีลงมติเลือกนายกซ้ำวันพฤหัสฯ, การเปิดสภาโหวตนายกรวมถึงตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯในวันศุกร์
หุ้นแนะนำวันนี้
Top pick: HANA (ราคาพื้นฐาน 49.0 บาท) แม้ภาพรวมตัวเลขการส่งออกยังไม่ดีนักแต่ยอดส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ โดยเฉพาะรายการชุดแผงวงจร Circuit Board ซึ่งเป็นสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับ HANA สามารถเติบโตได้ทั้ง MoM และ YoY ในเดือน มิ.ย. และขยายตัวได้ ytd เราจึงมอง HANA จะได้หนุนจากแนวโน้มดังกล่าว อีกทั้งอานิสงค์กระแส EV ซึ่งคาดว่าจะเป็นประโยชน์กับบริษัทได้ด้วยในระยะถัดไปโดยเฉพาะอย่างยิ่งหากทางการจีนประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจก็น่าจะเป็นปัจจัยช่วยสนับสนุน
Top pick: SCGP (ราคาพื้นฐาน 42.0 บาท) นอกจากผลประกอบการไตรมาส 2/2566 จะออกมาดีกว่าคาดจากค่าใช้จ่ายต่างๆที่ต่ำกว่าที่ประเมิน มองไปข้างหน้าไตรมาส 3/2566 เราเชื่อจะเป็นจุดเริ่มต้นของการฟื้นตัวของกำไรที่โดดเด่น จากราคาถ่านหินที่ลดลงอย่างมากประมาณ 16% QoQ ในไตรมาส 2/2566 ซึ่งจะทำให้ GPM เพิ่มขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 3/2566 เป็นต้นไป ควบคู่ไปกับปริมาณการขายที่คาดว่าจะฟื้นตัว อีกทั้ง SCGP เป็นหุ้นกลุ่ม China link ที่เรามองจะได้แรงหนุนหากทางการจีนประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ
รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ
- วันจันทร์ ติดตามตัวเลขภาคการผลิตจีน (China manufacturing PMI) สำหรับเดือน ก.ค. ที่จะประกาศออกมาในช่วงเช้า ตลาดคาดปรับตัวลงต่อที่ 48 จุด เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 49 ตัวเลขเศรษฐกิจจีนยังมีแนวโน้มอ่อนแอต่อเนื่อง ส่งผลให้ตลาดมองมีความจำเป็นที่ทางการจีนจะต้องออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะอันใกล้นี้ ต่อด้วยในช่วงบ่าย ติดตามรายงานภาพรวมเศรษฐกิจรายเดือนของธนาคารแห่งประเทศไทยสำหรับเดือน มิ.ย. และตัวเลขเงินเฟ้อเบื้องต้นของยุโรป (Preliminary CPI) สำหรับเดือน ก.ค. ตลาดประเมินจะปรับตัวลดลงเหลือ 5.2% YoY เทียบจากเดือนก่อนหน้าที่ 5.5% YoY ต่อด้วยช่วงข้ามคืน สหรัฐฯมีกำหนดประกาศตัวเลขภาคการผลิต Chicago PMI สำหรับเดือน ก.ค. ตลาดคาดที่ 43 จุด ปรับตัวดีขึ้นจาก 41.5 จุดในเดือนก่อนหน้า
- วันอังคาร ติดตามการประชุมธนาคารกลางของออสเตรเลียในช่วงเช้า ตลาดจะมีการปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายขึ้น 25bps จาก 4.10% เป็น 4.35% ต่อด้วยตัวเลขภาคการผลิตของยุโรปสำหรับเดือน ก.ค. ตลาดคาดที่ 42.7 จุด ลดลงต่อจาก 43.4 จุดในเดือนก่อนหน้า ภาวะเศรษฐกิจของประเทศในฝั่งยุโรปยังชะลอตัวต่อเนื่องจากผลของเงินเฟ้อที่ยังอยู่ในระดับสูงและสงครามรัสเซีย-ยูเครน ช่วงข้ามคืนมีตัวเลขสำคัญคือตัวเลขภาคการผลิตของฝั่งสหรัฐฯสำหรับเดือน ก.ค. ตลาดคาดที่ 46.5 จุด เพื่อขึ้นเล็กน้อยจาก 46.0 จุดในเดือนก่อนหน้า และตัวเลขจำนวนงานเปิดใหม่ในสหรัฐฯสำหรับเดือน มิ.ย. ตลาดคาดจะมีงานใหม่เปิดจำนวน 9.5 ล้านตำแหน่ง เทียบกับ 9.8 ล้านตำแหน่งในเดือนก่อนหน้า จำนวนงานเปิดใหม่แม้มีแนวโน้มลดลงแต่ยังคงอยู่ในระดับสูงถึงสองเท่าเมื่อเทียบกับจำนวนคนว่างงาน
- วันพุธ ติตตามผลประชุมธนาคารแห่งประเทศไทย ตลาดคาด กนง. ปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพิ่มขึ้นอีก 25bps จาก 2.00% เป็น 2.25% และติดตามตัวเลขการจ้างงาน ADP ของสหรัฐฯสำหรับเดือน ก.ค. ตลาดคาดที่ 210k ตำแหน่ง เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 497k ตำแหน่ง
- วันพฤหัสบดี ติดตามประเด็นการเมืองของไทย โดยศาลรัฐธรรมนูญมีกำหนดแถลงมติ รับ/ไม่รับ วินิจฉัยคำร้อง กรณีมติรัฐสภาเมื่อ 19 ก.ค. ที่ไม่ให้เสนอรายชื่อบุคคลเพื่อให้ความเห็นชอบเป็นนายกรัฐมนตรีครั้งที่ 2 เป็นการเสนอ “ญัตติซ้ำ” ตามข้อบังคับการประชุมรัฐสภา พ.ศ. 2563 ข้อ 41 ถือว่าเข้าข่ายการกระทำที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ ต่อด้วยช่วงบ่ายมีประชุมธนาคารกลางอังกฤษ ตลาดคาดจะมีปการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายต่อ 25bps จาก 5.00% เป็น 5.25% เงินเฟ้อในประเทศต่างๆในยุโรปยังคงปรับตัวลดลงช้าเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆโดยเฉพาะอย่างยิ่งในอังกฤษที่ระดับราคาสินค้าและบริการยังอยู่ในระดับสูงต่อเนื่องตลาดจึงมองมีความจำเป็นที่ทางการจะต้องใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดต่อเพื่อชะลอความร้อนแรงของแรงกดดันเงินเฟ้อ
- วันศุกร์ ติดตามผลโหวตนายกรอบ 3 ของไทยและตัวเลขสำคัญของฝั่งของสหรัฐฯเช่นตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตร (nonfarm payrolls) สำหรับเดือน ก.ค. ตลาดคาดที่ 175k ตำแหน่ง เทียบกับที่ 209k ตำแหน่งในเดือนก่อนหน้า และตัวเลขอัตราค่าจ้างแรงงานต่อชั่วโมงของสหรัฐฯ (Average hourly earnings) สำหรับเดือน ก.ค. ตลาดคาดเพิ่มขึ้น 4.3% YoY เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 4.4% YoY และตัวเลขอัตราการว่างงาน (Unemployment rate) สำหรับเดือน ก.ค. ตลาดคาดที่ 3.6% ทรงตัวเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า