KS Daily View 02.08.2023 >>> สหรัฐฯถูกลดเรตติ้ง มอง SET ปรับตัวลงรับข่าว กรอบ SET วันนี้ 1,545/1,560 หุ้นแนะนำวันนี้ ADVANC PTTEP

สรุปภาวะตลาดเมื่อวานนี้

ต่างประเทศ: ดัชนี DJIA +0.20%, S&P 500 -0.27%, NASDAQ -0.43% โดย Sector ที่ outperform ใน S&P500 ได้แก่ Industrials (+0.32%), Information technology (+0.09%) ขณะที่ Utilities (-1.26%), Consumer discretionary (-1.15%), Health care (-0.51%)

ในประเทศ: SET Index +12.79 pts. หรือ +0.83% ปิดที่ 1,556.06 จุด ตัวขับเคลื่อนหลักสำคัญคือ DELTA (+3.20%), EA (+3.77%), PTT (+0.72%), CPALL (+1.20%) ขณะที่ CRC (-2.37%), TCCC (-15.19%), GULF (-0.50%), SAWAD (-2.58%)

แนวโน้มตลาดหุ้นในประเทศ:

มองตลาดอาจแกว่งตัวลงตอบรับข่าวเรตติ้งสหรัฐฯถูกลด กอปรกับอาจมีแรงเทขายทำกำไรเพื่อรอพิจารณาผลประชุมมติศาลรัฐธรรมนูญและโหวตนายกรอบสาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อดัชนีตลาดมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นมาเร็วในระยะสั้น มองกรอบซื้อขายวันนี้ที่ 1,545/1,560 จุด

ประเด็นสำคัญที่เป็นกระแสในช่วงนี้และมีผลต่อการลงทุน:

1.) สหรัฐฯรายงานตัวเลขภาคการผลิตเดือนก.ค. ที่ 46.4 จุด เพิ่มขึ้นจาก 46.0 จุดในเดือนก่อนหน้าแต่ต่ำกว่าที่ตลาดมองไว้ที่ 46.9 จุด ดัชนีรายงานต่ำกว่าระดับ 50 จุดสะท้อนกิจกรรมภาคการผลิตยังหดตัว

2.) ธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) คงอัตราดอกเบี้ยนโนบายไว้ที่ 4.10% ขณะที่ตลาดคาดว่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 25bps เป็น 4.35% หลังเงินเฟ้อปรับลดลงต่อเนื่อง ส่งผลให้ค่าเงิน AUD ปรับตัวลดลงแรง

3.) นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงจุดยืนในการแก้ ม.112 ยืนยันว่าไม่แก้ไข ไม่ยกเลิก ขอลุยเรื่องเศรษฐกิจปากท้องประชาชนก่อน ชี้เป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด สร้างกระแสข่าวสูตรตั้งรัฐบาล 265 เสียงโดยไม่มีพรรคก้าวไกล และ พรรคพลังประชารัฐ กับ พรรครวมไทยสร้างชาติ

4.) FITCH credit rating ปรับลดเรตติ้งสหรัฐฯลงจาก AAA เป็น AA+ บนมุมมองฐานะการคลังที่แย่ลงหลังการขาดดุลการคลังปรับเพิ่มขึ้นสูงแตะระดับ 6.3% ของ GDP

Theme การลงทุนสัปดาห์นี้

ประเมินตลาดหุ้นไทยแกว่งตัวขึ้นต่อในกรอบ 1,535 – 1,560 จุด จากแรงหนุนของโอกาสที่ดอกเบี้ยโลกกำลังจะถึงจุดสูงสุดบนแนวโน้มเงินเฟ้อชะลอตัว การออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีน รวมถึงปัจจัยการเมืองในประเทศที่กำลังจะได้รัฐบาลหลังประธานสภาส่งหนังสือแจ้งสมาชิกรัฐสภา นัดประชุม โหวตนายกฯรอบสาม 4 ส.ค. ทั้งนี้นักลงทุนเลือกให้น้ำหนักถึงโอกาสที่จะได้รัฐบาลที่มีนโยบายเป็นมิตรกับตลาดทุนมากกว่าที่จะกลัวความเสี่ยงกรณีเกิดความล่าช้าในการจัดตั้งรัฐบาล โดย Key highlight สัปดาห์นี้จะอยู่ที่ การประชุม กนง.ของไทยวันพุธ, การวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญว่าจะรับหรือไม่รับพิจารณากรณีลงมติเลือกนายกซ้ำวันพฤหัสฯ, การเปิดสภาโหวตนายกรวมถึงตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯในวันศุกร์

หุ้นแนะนำวันนี้ Top pick:

ADVANC (ราคาพื้นฐาน 233.85 บาท) เราคาดผลประกอบการบริษัทเติบโตดีทั้ง QoQ และ YoY ในไตรมาส 2/2566 มองการแข่งขันด้านราคาที่ผ่อนคลายมากขึ้นจะช่วยเดินหน้าการใช้เสาส่งสัญญาณเพิ่มรายได้และเพิ่มการเติบโต คาดจ่ายปันผลสูง 3.88 บาทต่อหุ้นสำหรับ DPS ใน 1H66

PTTEP (ราคาพื้นฐาน 168 บาท) ผลประกอบการไตรมาส 2/2566 เพิ่มขึ้นทั้ง QoQ และ YoY อีกทั้งงบออกมาดีกว่าที่เราคาดและตลาดประเมินจากค่าใช้จ่ายที่ปรับลดและภาษีจ่ายน้อยกว่าคาด ประกาศจ่ายปันผลระหว่างกาล 4.25 บาท เทียบ yield 2.7% ขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 14 ส.ค. 2566

รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ

  • วันพุธ ติตตามผลประชุมธนาคารแห่งประเทศไทย ตลาดคาด กนง. ปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพิ่มขึ้นอีก 25bps จาก 2.00% เป็น 2.25% และติดตามตัวเลขการจ้างงาน ADP ของสหรัฐฯสำหรับเดือน ก.ค. ตลาดคาดที่ 210k ตำแหน่ง เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 497k ตำแหน่ง
  • วันพฤหัสฯ ติดตามประเด็นการเมืองของไทย โดยศาลรัฐธรรมนูญมีกำหนดแถลงมติ รับ/ไม่รับ วินิจฉัยคำร้อง ข้อบังคับการประชุมรัฐสภาข้อ 41 ที่ถูกใช้ในที่ประชุมสภา เมื่อ 19 ก.ค. ถือว่าเข้าข่ายการกระทำที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ ต่อด้วยช่วงบ่ายมีประชุมธนาคารกลางอังกฤษ ตลาดคาดจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายต่อ 25bps จาก 5.00% เป็น 5.25% หลังระดับราคาสินค้าและบริการยังอยู่ในระดับสูงตลาดจึงมองมีความจำเป็นที่ทางการจะต้องใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดต่อเพื่อชะลอความร้อนแรงของแรงกดดันเงินเฟ้อ
  • วันศุกร์ ติดตามผลโหวตนายกรอบ 3 ของไทยและตัวเลขสำคัญของฝั่งของสหรัฐฯเช่นตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตร (nonfarm payrolls) สำหรับเดือน ก.ค. ตลาดคาดที่ 175k ตำแหน่ง เทียบกับที่ 209k ตำแหน่งในเดือนก่อนหน้า และตัวเลขอัตราค่าจ้างแรงงานต่อชั่วโมงของสหรัฐฯ (Average hourly earnings) สำหรับเดือน ก.ค. ตลาดคาดเพิ่มขึ้น 4.3% YoY เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 4.4% YoY และตัวเลขอัตราการว่างงาน (Unemployment rate) สำหรับเดือน ก.ค. ตลาดคาดที่ 3.6% ทรงตัวเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า
- Advertisement -