บล.กรุงศรีฯ:
AAPICO HITECH (AHTB/AH.BK)
กลุ่มอุตสาหกรรม | ยานยนต์ |
หุ้น | AH |
มูลค่าพื้นฐาน | 41.00 |
คำแนะนำ | BUY |
ถึงแม้เราจะคาดว่ารายได้ของ AH ใน 2Q23 จะยังโตได้ถึง 14% yoy แต่เราคาดว่ากำไรจากธุรกิจหลักของบริษัทจะโตเพียง 1% yoy เป็น 285 ล้านบาท เนื่องจากไม่มีส่วนแบ่งกำไรจาก Hyundai Motor (Thailand) อีกต่อไปเพราะหยุดการดำเนินกิจการไปตั้งแต่ 1Q23 เรายังคงคำแนะนำซื้อ และคงราคาเป้าหมายเอาไว้ที่ 41 บาท
คาดว่ากำไรจะทรงตัวใน 2Q23
เราคาดว่ารายได้ของ AH ใน 2Q23 จะอยู่ที่ 7 พันล้านบาท (+14.4% yoy, -13.5% qoq) เนื่องจาก (i) ยอดผลิตรถยนต์ในประเทศไทยเพิ่มขึ้น 6.1% yoy (ii) รายได้จากโปรตุเกสเพิ่มขึ้นเนื่องจากมีการปรับราคาเหล็กที่คิดจากลูกค้าไปตั้งแต่ 4Q22 แล้ว (iii) การดำเนินงานในประเทศจีนกลับมาเป็นปกติเมื่อเทียบกับช่วงที่มีการ lockdown ใน 2Q22 ทั้งนี้ รายได้ที่ลดลงเป็นเพราะเป็นช่วง low season เราคาดว่า GPM จะเพิ่มขึ้นเป็น 10.8% ตามรายได้ที่เพิ่มขึ้น ซึ่งจะทำให้กำไรจากการดำเนินงานของบริษัทเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญถึง 40% yoy อย่างไรก็ตาม เนื่องจากไม่มีส่วนแบ่งกำไรจาก Hyundai Motor (Thailand) แล้ว เพราะหยุดดำเนินกิจการไปตั้งแต่ใน 1Q23 เราจึงคาดว่ากำไรสุทธิของ AH จะอยู่ที่ 285 ล้านบาท (+1.4% yoy, -52% qoq) ทั้งนี้ AH บันทึกส่วนแบ่งกำไรจาก Hyundai 58 ล้านบาทใน 2Q22 ในขณะเดียวกัน เราคาดว่า AH จะบันทึกกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนประมาณ 101 ล้านบาทเนื่องจากเงินบาทอ่อนค่าลง
ผลการดำเนินงานของธุรกิจดีลเลอร์รถในประเทศมาเลเซีย ซึ่งคิดเป็น 15% ของรายได้รวมของ AH แต่คิดเป็นสัดส่วนเพียง 3% ของ EBIT มีแนวโน้มจะแข็งแกร่งเกินคาด เนื่องจากยอดขายรถยนต์ในประเทศมาเลเซียยังคงแข็งแกร่ง โดยเพิ่มขึ้นถึง 11% YTD แม้ว่ามาตรการสนับสนุนของรัฐบาลจะสิ้นสุดลงไปแล้วตั้งแต่ 1Q23 นอกจากนี้ Malaysian Automotive Association (MAA) ยังปรับเพิ่มประมาณการยอดขายรถยนต์ปีนี้เป็นเท่ากับปีที่แล้วที่ 0.73 ล้านคัน จากเดิมที่คาว่าจะลดลง 10% ซึ่งจะส่งผลดีต่อ AH ด้วย
คงคำแนะนำซื้อ และคงราคาเป้าหมายเอาไว้ที่ 41 ล้านบาท
ถึงแม้ว่าเราจะปรับลดประมาณการยอดผลิตรถยนต์ในประเทศไทยปีนี้ลงจากเดิม 1.94 ล้านคัน เหลือ 1.9 ล้านคัน (+1%) แต่เรามองว่า AH ยังมี upside ที่สามารถชดเชยภาวะโดยรวมของอุตสาหกรรมได้ ซึ่งได้แก่ (i) ดีล Avee ซึ่งคาดว่าจะช่วยหนุนประมาณการกำไรใน 2H23 ของเราขึ้นอีกเล็กน้อย และในปี FY24F อีก 3.3% ดังที่เราระบุเอาไว้ในบทวิเคราะห์ฉบับที่แล้ว และ (ii) ยอดขายรถยนต์ในประเทศมาเลเซียมีแนวโน้มดีเกินคาด