เพื่อไทยประกาศตั้งรัฐบาลไม่มีก้าวไกล แต่เชื่อตลาดรับรู้ไปแล้ว
Market Update
ตลาดหุ้น Dow Jones เมื่อคืนปิดลบ 0.98% หลังจาก Fitch Rating ออกมาปรับลด Credit Rating ความน่าเชื่อถือของสหรัฐฯ ด้านราคาน้ำมันดิบ BRT ปิดลบ 2% จากแรงกดดัน Fitch Rating ปรับลดเครดิต
Market Outlook
เมื่อวานที่ผ่านมาที่ประชุม กนง. มีมติปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% สู่ระดับ 2.25% สอดคล้องกับที่เราและตลาดประเมินไว้ ถ้อยแถลงภายใน กนง. ระบุว่าเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่อง แม้อุปสงค์จากต่างประเทศจะชะลอลงบ้าง แต่คาดว่าจะทยอยปรับดีขึ้นในระยะต่อไป โดยแรงหนุนหลักยังมาจากภาคท่องเที่ยวและการบริโภคภาคเอกชนเป็นสำคัญ ขณะที่การส่งออกสินค้าหดตัวในระยะสั้นส่วนหนึ่งตามเศรษฐกิจจีนและวัฎจักรอิเล็กทรอนิกส์โลกที่ฟื้นตัวได้ช้า แต่คาดว่าจะปรับดีขึ้นในระยะข้างหน้าสอดคล้องกับแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก สำหรับอัตรา เงินเฟ้อทั่วไปปรับลดลงจากราคาพลังงาน มาตรการช่วยเหลือค่าครองชีพและผลจากฐานสูงในปีก่อน มองกลุ่มอิงการบริโภคและท่องเที่ยวได้ประโยชน์ อาทิ ค้าปลีก (BJC CRC CPALL HMPRO) ท่องเที่ยว (AOT CENTEL ERW MINT SPA) ธนาคารพาณิชย์ (BBL)
ในส่วนของปัจจัยด้านการเมืองวานนี้ พรรคเพื่อไทยออกมาประกาศว่าจะไม่ร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคก้าวไกล โดยในวันนี้จะเปิดตัวพรรคร่วมรัฐบาล พร้อมเสนอชื่อคุณเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 แม้ประเด็นดังกล่าวจะเหมือนเป็นปัจจัยบวกต่อตลาดหุ้น จากการที่ไม่มีพรรคก้าวไกลเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล แต่ก็เชื่อว่าการจัดตั้งรัฐบาลโดยพรรคเพื่อไทยถูกสะท้อนในราคา (Price In) แล้วระดับนึง สะท้อนผ่าน SET INDEX ที่ปรับขึ้นมาจากจุดต่ำสุดราว 5.5% และราคาหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการมาของพรรคเพื่อไทยต่างก็เริ่มขยับขึ้นมาแล้ว อาทิ ADVANC INTUCH SIRI SC จึงไม่ได้คาดหวัง Upside ที่เยอะมากจากประเด็นข้างต้น
สำหรับสหรัฐฯ เมื่อคืนรายงานการจ้างงานภาคเอกชนจากสถาบัน ADP ที่ 3.24 แสนรายสูงกว่า Bloomberg Consensus ประเมินไว้ที่ 1.91 แสนราย ส่งผลให้เมื่อคืน US Bond Yield ปรับขึ้นสร้างแรงกดดันต่อตลาดหุ้น แต่ทิศทางดอกเบี้ยยังไม่เปลี่ยนแปลง จากนี้รอติดตามการจ้างงานนอกภาคเกษตรและอัตราการว่างงานของสหรัฐฯ Bloomberg Consensus ประเมินไว้ ที่ 2.03 แสนตำแหน่งและ 3.6%
วันนี้ประเมิน SET INDEX อ่อนตัวลงในกรอบ 1535 – 1550 เชิงกลยุทธ์ยังแนะลดพอร์ตการลงทุน จากการที่ SET Price In ประเด็นต่างๆ ไปแล้ว ส่วนหุ้นแนะนำระยะสั้นเลือกกลุ่มโรงไฟฟ้า (BGRIM GPSC GULF) ค้าปลีก (BJC CRC CPALL HMPRO) กลุ่มการเงิน (MTC TIDLOR) กลุ่มธนาคารพาณิชย์ (BBL KBANK KTB SCB) ท่องเที่ยว (AOT CENTEL ERW MINT SPA)
หุ้นแนะนําซื้อวันนี้
GULF (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 58.00 บาท) ปัจจัยพื้นฐานระยะยาวของ GULF ยังคงเดิม ด้วยแนวโน้มการเติบโตของกำไรที่เหนือชั้น หนุนจากกำลังการผลิตไฟฟ้าที่จะโตเฉลี่ยต่อปี 12% ในช่วงปี 2023-27 คาดกำไรปกติไตรมาส 2/23 จะต่ำสุดของปี โดยประเมินว่ากำไรจะกลับมาโตในครึ่งหลังปี 2023 หนุนจากการรับรู้รายได้จาก กำลังการผลิตใหม่ (GPD หน่วยที่ 1-2) อัตรากำไรสำหรับโรงไฟฟ้าขนาดเล็ก (SPP) ในประเทศ และโรงไฟฟ้าพลังก๊าซในสหรัฐฯ ที่ปรับดีขึ้นต่อเนื่อง
CPALL (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 72.00 บาท) คาดว่ากำไรสุทธิไตรมาส 2/23 ที่ 3.85 พันล้านบาท (+28%YoY, -6%QoQ) การเติบโต YoY ได้แรงหนุนจากการเติบโตของยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ที่แข็งแกร่ง และอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ที่ดีจากธุรกิจร้านสะดวกซื้อ ซึ่งน่าจะชดเชยผลกระทบจากการจ่ายค่าตอบแทนพนักงาน ค่าไฟฟ้าและต้นทุนการเงินที่สูงขึ้นได้