นายปิยะ เตชากูล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอทีพี 30 จำกัด (มหาชน) หรือ ATP30

ATP30 ส่งซิกครึ่งปีหลัง 66 โตต่อเนื่อง เจรจาพันธมิตรต่อยอดธุรกิจ มั่นใจรายได้โต 10%

ATP30 เผยทิศทางครึ่งปีหลัง 2566 โตต่อเนื่อง ลูกค้าต่อคิวใช้บริการรถน้ำมัน-ไฟฟ้าเพียบ ท่องเที่ยวคึกคักส่งรถบัส 2 คันให้บริการรับส่งลูกค้า RP หวังขยายกองรถ 8-10 คันในปีนี้ พร้อมเจรจาพันธมิตรหลายรายต่อยอดธุรกิจ เสริมแกร่งการเติบโตในอนาคต คาดเห็นความชัดเจนเร็วๆนี้ มั่นใจผลประกอบการปีนี้รายได้โต 10%

นายปิยะ เตชากูล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอทีพี 30 จำกัด (มหาชน) (ATP30) ผู้ดำเนินธุรกิจให้บริการรถรับส่งพนักงานจากแหล่งที่พักอาศัยในเขตชุมชนไปยังโรงงานอุตสาหกรรมหรือสถานประกอบการโดยเฉพาะรอบเขตนิคมอุตสาหกรรมในภาคตะวันออก (Eastern Seaboard) เปิดเผยว่า ทิศทางธุรกิจครึ่งปีหลัง 2566 เติบโตต่อเนื่อง ขณะนี้อยู่ระหว่างจัดเตรียมรถบัสและรถตู้จำนวนกว่า 30 คัน เพื่อให้บริการลูกค้าไตรมาส 3/66 และต่อเนื่องไตรมาส 4/66

ขณะที่บริการรถมินิบัสไฟฟ้าจำนวน 5 คัน มีกระแสตอบรับที่ดีจากกลุ่มลูกค้าโรงงานในนิคมอุตสาหกรรม ติดต่อเข้ามาขอเยี่ยมชมและศึกษาโมเดลการเดินรถจำนวนมาก ซึ่งบริษัททำการประเมินฐานลูกค้าที่สนใจใช้บริการรถไฟฟ้าเพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์อยู่ที่ 10% ของจำนวนลูกค้านิคมอุตสาหกรรม โดยบริษัทตั้งเป้าให้บริการรถไฟฟ้าในปีนี้จำนวน 10 คัน

นอกจากนี้ จากการฟื้นตัวของภาคธุรกิจท่องเที่ยว บริษัทได้เริ่มนำรถบัส VIP จำนวน 2 คัน ให้บริการกับลูกค้า บริษัท ท่าเรือราชาเฟอร์รี่ จำกัด (มหาชน) หรือ RP รับ-ส่งนักท่องเที่ยวจากสนามบินสุราษฯ- เกาะพะงัน โดยตั้งเป้าเพิ่มจำนวนรถ 8-10 คัน ขยายการให้บริการนักท่องเที่ยวในปีนี้

นายปิยะ กล่าวต่อไปว่า ปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างการศึกษา Business Model ใหม่ๆ และเจรจากับพันธมิตรหลายราย ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานของบริษัท เพื่อต่อยอดธุรกิจให้มีศักยภาพมากขึ้น อาทิ การพัฒนาประสิทธิภาพการเดินรถ ระบบการเดินรถไฟฟ้า เพื่อต่อยอดการเติบโตในอนาคต

“ภาพรวมธุรกิจครึ่งปีหลังเติบโตในเกณฑ์ดี เนื่องจากราคาน้ำมันแนวโน้มลดลง ฐานลูกค้าเดิมและลูกค้าใหม่มีจำนวนรถให้บริการเพิ่มขึ้น ส่งผลให้อัตราการเติบโตปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทยังคงพัฒนาเทคโนโลยีเข้ามาเสริมประสิทธิภาพระบบบริหารจัดการภายใน และระบบบริหารการเดินรถ เพื่อควบคุมต้นทุนในอยู่ในระดับที่เหมาะสม

อย่างไรก็ตาม หากมีลูกค้ารายใหญ่เซ็นสัญญาเข้ามาในช่วงไตรมาส 3/66 บริษัทจะมีการลงทุนเพื่อปรับปรุงสภาพรถในการให้บริการ ส่งผลให้อาจมีค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นกระทบต่อกำไรของบริษัทเล็กน้อย ซึ่งการลงทุนดังกล่าวจะสามารถขยายฐานรายได้ และกำไรในอนาคต โดยบริษัทเชื่อว่าปีนี้จะสามารถทำรายได้เติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้ 10% พร้อมความสามารถการทำกำไรที่ดีขึ้น” นายปิยะกล่าว

- Advertisement -